++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันจันทร์ที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2556

เปิดตัวสภาปฏิรูปภาคประชาชน 45 องค์กรผนึกร่วมขับไล่รัฐบาลทุนสามานย์



ที่โรงแรมเดอะสุโกศล เมื่อวันที่ 15 กันยายน
นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มกรีน พร้อมด้วยนายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ อดีตแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย, นายบรรเจิด สิงคะเนติ ประธานกรรมการปฏิรูปกฎหมาย และตัวแทนองค์กรภาคประชาชน กว่า 45 องค์กร
ได้ร่วมกันจัดงานแถลงข่าวเปิดตัว
"สภาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย 2556 (สปท.)" ภายใต้หัวข้อหยุดความเหลื่อมล้ำ สร้างความเป็นธรรมในสังคม

โดยมีการตั้งคณะกรรมการ สปท.ชั่วคราว จำนวน 16 คน ดังนี้ 1.นายบรรเจิด สิงคะเนติ
2.นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์
3.นายอนุสรณ์ ศรีแก้ว
4.นายคมสัน โพธิ์คง
5.นายสุริยะใส กตะศิลา
6.นายยรรยง เสรีรัตน์
7.ร.ต.แซมดิน เลิศบุศย์
8.นายชัยพันธ์ ประภาสวัสดิ์
9.นายอําภา สันติเมทนีดล
10.นายระวี มาศฉมาดล
11.นายสุริยนต์ สุวรรณวงศ์
12.นายพิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต
13.นายอัษฎายุทธ คุณวิเศษพงษ์
14.นายอุทัย ยอดมณี
15.นายสมเกียรติ หอมละออ และ 16.นายสุพา ค้าสุจริต

นอกจากนี้ยังมีที่ปรึกษากลุ่ม อาทิ
พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร,
นายเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์,
นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง,
นายพิภพ ธงไชย,
นายสังศิต พิริยะรังสรรค์,
นายวิชัย โชควิวัฒน,
นายณรงค์ เพ็ชรประเสริฐ และมีนายนิติธร ล้ำเหลือ มาทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงานต่างๆ

นายบรรเจิดแถลงคำประกาศ สปท.ว่า 80 ปีประชาธิปไตยคือ 80 ปีของการผูกขาดอำนาจของชนชั้นนำของไทยที่ก่อให้เกิดวิกฤติต่อสังคมไทย โดยมีการแย่งชิงอำนาจของชนชั้นนำ การบริหารประเทศโดยไร้คุณธรรม รวมถึงมีการปลุกปั่นสร้างความแตกแยกในหมู่ประชาชน จนนำไปสู่ความขัดแย้งในหมู่ประชาชนอย่างรุนแรงและกว้างขวาง และมีการคอรัปชั่นอย่างมโหฬาร ผ่านการทุจริตคอรัปชั่นเชิงนโยบายขยายไปถึงการทุจริตคอรัปชั่นไว้เป็นการล่วงหน้าเพื่ออนาคตทางการเมือง เช่น พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาท
"กล่าวโดยสรุป สภาพการเมือง เศรษฐกิจและสังคมไทยในปัจจุบัน จะนำไปสู่การเกิดวิกฤติของสังคมไทยที่ไม่อาจแก้ได้โดยกลุ่มชนชั้นนำที่ยึดกุมอำนาจประเทศเพียงเท่านั้น จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ภาคประชาชนทุกหมู่เหล่าจะต้องจัดตั้งรวมพลังผลักดันการปรับโครงใหม่ เพื่อแก้ปัญหาประเทศไทยอย่างถูกจุด จึงได้มีการจัดตั้ง สปท.ขึ้นมา โดยยึดแนวทางการจัดทำข้อเสนอการปฏิรูปประเทศแก่ประชาชน ตามหลักการมีส่วนร่วมของประชาชน ควบคู่ไปกับการแสวงหาหลักการทางวิชาการที่เป็นแนวทางแก้ไขปัญหาและทางออกของชาติอย่างแท้จริง" นายบรรเจิดระบุ

นายสมเกียรติกล่าวว่า จะเข้ามาเป็นประธาน สปท.ชั่วคราว แต่หลังจากนี้จะมีการคัดสรรกันอีกครั้ง ก่อนหน้านี้ได้มีการประชุมมาแล้ว 5 ครั้ง เพื่อหาโครงร่างในการปฏิรูปประเทศ ส่วนครั้งนี้เป็นครั้งที่ 6 ที่เปิดตัวอย่างเป็นทางการ และวันที่ 22 ก.ย. จะมีการประชุมที่มหาวิทยาลัยรังสิต เพื่อวางกรอบต่างๆ ของกลุ่ม สปท.ต่อไป จากนั้นจะมีการประชุมสมัชชาใหญ่ทั่วประเทศ 77 จังหวัดในวันที่ 14 ต.ค.นี้

นายสุริยะใสกล่าวว่า สปท.จะขยายแนวร่วมระดับจังหวัดเครือข่ายต่างๆ โดยจากนี้จะนัดพบนักวิชาการ ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองและเดินสายลงพื้นที่พูดคุยกับประชาชนในพื้นที่ต่างจังหวัด

นายคมสัน โพธิ์คง อดีตสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ(ส.ส.ร.) ปี 50 กล่าวว่า ถึงเวลาแล้วที่ประชาชนจะต้องลุกขึ้นมาปฏิรูปประเทศไทย โดยจะต้องมีการคืนอำนาจให้แก่ประชาชนอย่างแท้จริง พร้อมกับปฏิรูปด้านต่างๆ 5 ด้าน คือ
1.การปฏิรูปทางการเมืองและอำนาจรัฐธรรมนูญ
2.การปฏิรูปการบริหาร
3.การปฏิรูประบบยุติธรรม
4.การปฏิรูปด้านเศรษฐกิจ และ
5.การปฏิรูปด้านสังคมสปท.ปลุกม็อบไล่รัฐบาล

นายสมบูรณ์ สุวรรณฝ่าย หรือสหายบัญชา แกนนำกลุ่มเครือข่ายพลังธรรมาธิปไตย ในฐานะตัวแทนกลุ่มสภาประชาชนปฏิรูปประเทศไทยอีสานตอนบน กล่าวว่า สิ่งแรกที่ต้องจัดการก่อนปฏิรูปคือ ประชาธิปไตยที่ถูกครอบงำด้วยทุนสามานย์ โดยเริ่มต้นให้ประชาชนออกมาขับไล่รัฐบาลนี้เสียก่อน....


คำประกาศ สภาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย ๒๕๕๖(สป.ปท ๕๖) “คืนอำนาจ
ประชาชนอย่างแท้จริง ขจัดการรวมศูนย์ผูกขาดและ เผด็จการผูกขาดทุนนิยมสามานย์ สร้างสังคมที่เป็นธรรมและเป็นสุข” แปดสิบปีประชาธิปไตยไทยคือแปดสิบปีของการผูกขาดอำนาจของชนชั้นนำของไทยที่ก่อให้เกิดวิกฤตต่อสังคมไทยมากขึ้นโดยลำดับ มีการแย่งชิงอำนาจของชนชั้นนำ บริหารประเทศโดยไร้คุณธรรม เบียดบังทรัพยากรของชาติ แย่งชิงยึดทรัพยากรจากประชาชนและชุมชนท้องถิ่น เพียงเพื่อจะหาประโยชน์ให้แก่ตนเองหรือพวกพ้อง ได้กระทำการอันเป็นการละเมิดต่อหลัก “นิติรัฐ” โดยไม่นำพาต่อระบบยุติธรรมของชาติ ซึ่งเป็นหลักการทางกฎหมายที่สำคัญที่จะสร้างความเป็นธรรมให้แก่ประชาชน สร้างปัญหาทางการเมือง กฎหมาย การบริหาร การยุติธรรม สังคม และเศรษฐกิจ แก่ประเทศชาติและประชาชน ปลุกปั่นสร้างความแตกแยกในหมู่ประชาชน นำไปสู่ความขัดแย้งในหมู่ประชาชนอย่างรุนแรงและกว้างขวาง และมีการคอรัปชั่นโกงกินอย่างมโหฬารด้วยเล่ห์เลี่ยมวีธีการมากมาย ที่สำคัญคือการทุจริตคอรัปชั่นเชิงนโยบาย จนเกิดวิกฤติสำคัญที่กำลังนำประเทศชาติไปสู่ความหายนะทางการเมืองและเศรษฐกิจ ต้นเหตุวิกฤติในปัจจุบันนี้คือ ระบบการเมืองถูกครอบงำโดย พรรคการเมืองของทุนนิยมผูกขาดสามานย์โลกาภิวัตน์ และก่อให้เกิดสภาพการณ์ทางสังคม เศรษฐกิจและการเมืองของไทยที่ถูกครอบงำและผูกขาดอย่างเด็ดขาด กล่าวคือ ๑.ระบบเศรษฐกิจการเมืองอยู่ภายใต้อำนาจทุนผูกขาดสามานย์ ครอบงำอำนาจรัฐ ขยายไปสู่วงศ์วานว่านเครือและพวกพ้อง อาศัยการคอรัปชั่นอย่างขนานใหญ่เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กลุ่มตนเอง พวกพ้องและเครือข่าย ท้ายที่สุดนำไปสู่การเป็น “ระบบทุนนิยมแบบเผด็จการผูกขาดที่อาศัยคราบประชาธิปไตย” และนำไปสู่การสร้างความไม่เป็นธรรมและความเหลื่อมล้ำในสังคม ๒. ในส่วนของโครงสร้างสถาบันการเมืองนั้น อำนาจทุนใหญ่ผูกขาดสามานย์พากัน ก่อตั้งหรือเข้าครอบครอง “พรรคการเมือง” และสร้าง “พรรคการเมือง” ที่ไม่เป็นประชาธิปไตยมีนายทุนเป็นเจ้าของสั่งการเด็ดขาดปราศจากการมีส่วนร่วมของสมาชิกพรรคการเมืองและประชาชน รวมทั้งใช้ “พรรคการเมือง”เป็นกลไกสำคัญผ่านกระบวนการเลือกตั้งเพื่อยึดกุมอำนาจรัฐ โดยรัฐธรรมนูญยังมีจุดอ่อนบางอย่างที่สร้างกติกาที่ไม่เป็นประชาธิปไตยเอื้อให้อำนาจทุนใช้กฎเกณฑ์เหล่านั้นทำการทุ่มเงิน ซื้อสิทธิขายเสียงกันอย่างมโหฬารเพื่อควบคุมกระบวนการประชาธิปไตยของไทย จนนำไปสู่การเกิด “ระบบเผด็จการรัฐสภาโดยพรรคการเมืองนายทุน”หรือ “ทรราชย์โดยเสียงข้างมาก”หรือ “ระบบทุนนิยมผูกขาดที่อาศัยคราบประชาธิปไตย” ทำให้เกิดการครอบงำอำนาจบริหารและอำนาจนิติบัญญัติ กระทำการเผชิญหน้ากับอำนาจตุลาการในขณะนี้ กล่าวโดยสรุป สภาพสังคม เศรษฐกิจและการเมืองของไทยในปัจจุบันจะนำไปสู่การเกิดวิกฤตของสังคมไทยที่ไม่อาจแก้ได้โดยลำพังแต่กลุ่มชนชั้นนำที่ยึดกุมอำนาจในการปกครองประเทศเท่านั้น เพราะกลุ่มชนชั้นนำดังกล่าวคือต้นเหตุของการเกิดวิกฤติทั้งปวง จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ภาคประชาชนทุกหมู่เหล่าจะต้องจัดตั้งรวมพลังผลักดันการปรับโครงสร้างอำนาจใหม่เพื่อแก้ปัญหาประเทศไทยที่ต้นตอทั้งระบบ หนทางที่จะนำไปสู่การแก้ไขวิกฤตดังกล่าวให้ลุล่วงไปได้ จะเกิดก็แต่โดยการที่ประชาชนทุกหมู่เหล่าผู้เป็นเจ้าของอำนาจที่แท้จริงจะต้องเข้ามาชี้นำและมีอำนาจในการเปลี่ยนแปลงประเทศไทย และความร่วมมือดังกล่าวจะเกิดขึ้นได้เมื่อประชาชนและองค์กรภาคประชาสังคมร่วมแรงร่วมใจกัน ทำการ “ปฏิรูปประเทศ” อย่างแท้จริง เพื่อสร้างให้ประเทศไทยเป็น “สังคมที่เป็นธรรม เป็นสุขและมั่นคง” และนี่คือเหตุผลของการเกิดขึ้นของ “สภาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย ๒๕๕๖” “สภาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย ๒๕๕๖” เป็นการเกิดขึ้นภายใต้การรวมตัวของเครือข่ายภาคประชาชนที่ตระหนักในปัญหาสำคัญของชาติที่นำไปสู่วิกฤติอย่างใหญ่หลวงในสังคมไทย ทั้งทางด้านการเมือง การบริหาร การยุติธรรม เศรษฐกิจและสังคม ที่เล็งเห็นว่า การแก้ไขปัญหาสำคัญดังกล่าว ต้องคืนอำนาจอย่างแท้จริงกลับคืนสู่ประชาชน ไม่ใช่เพียงแค่การเลือกตั้ง เพื่อให้ประชาชนมีอำนาจกำหนดการตัดสินใจและชี้นำการใช้อำนาจของรัฐแทนชนชั้นนำและ “กลุ่มทุนสามานย์ผูกขาด” เป็นการ “ปฏิรูปประเทศ” เพื่อแก้ไขปัญหาของประเทศชาติด้วยมือของประชาชนเอง มีการจัดทำ “ข้อเสนอการปฏิรูปประเทศ” แก่ประชาชน ที่ยึด “หลักการการมีส่วนร่วมของประชาชน” ควบคู่ไปกับการแสวงหา “หลักการทางวิชาการที่เป็นแนวทางการแก้ไขปัญหาและทางออกของชาติ” อย่างเหมาะสมและสมดุล เพื่อจัดวางกลไกและแนวทางในการ “ปฏิรูปประเทศ” ที่สร้างสมดุลการใช้อำนาจรัฐและคุ้มครองประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนอย่างแท้จริง ภายใต้หลักการ “ประชาธิปไตย “ที่เป็นของประชาชนอย่างแท้จริง และหลัก “นิติรัฐ” ที่เป็นไปเพื่อคุ้มครองความเป็นธรรมให้ประชาชนทุกหมู่เหล่าในสังคม หลักการสำคัญที่เป็นแนวคิดในการต่อสู้เพื่อการปฏิรูปในทุกระบบของประเทศไทย ที่“สภาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย ๒๕๕๖” ยึดถือ คือ “คืนอำนาจประชาชนอย่างแท้จริง ขจัดการรวมศูนย์ผูกขาดและเผด็จการผูกขาดทุนนิยมสามานย์สร้างสังคมที่เป็นธรรมและเป็นสุข” ประกาศ ณ วันที่ ๑๕ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๖ สภาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย ๒๕๕๖http://www.dailynews.co.th/politics/233306

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น