++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันจันทร์ที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2555

เห็นกงจักรเป็นดอกบัว

(ขอขอบคุณข้อมูลจาก http://www.dek-d.com/board/view.php?id=1626305)

เห็นกงจักรเป็นดอกบัว

คำสุภาษิตที่กล่าวว่า “เห็นกงจักรเป็นดอกบัว” นี้โดยมากรู้จักความหมายกันอย่างแพร่หลายคือหมายถึง การเห็นผิดเป็นชอบ ซึ่งในนิทานทางพุทธศาสนา

ได้กล่าวถึงสุภาษิตนี้ในหนังสือพระมาลัย ท่านนักปราชญ์โบราณกล่าวไว้เป็นคำกาพย์ซึ่งคัดข้อความมาจากคัมภีร์มหาวิบาก อันกล่าวถึงผลบาปที่ได้รับจากความทุกข์และผลบุญที่ได้รับจากความสุข

ในหนังสือพระมาลัยนี้ได้กล่าวถึงเรื่อง “เห็นกงจักรเป็นดอกบัว” หมายถึง จักรกรดที่ทำโทษสัตว์นรก เช่น คนที่เป็นชู้กับเมียหรือสามีคนอื่นต้องตกนรก ยมบาลจะเอาหอกไล่ทิ่มแทงให้ไปขึ้นต้นงิ้วที่มีหนามคมเป็นกรด คนที่ตีด่าพ่อ แม่ และพระภิกษุสามเณร ตายไปตกนรกมีกงจักรพัดอยู่บนศีรษะ เรื่องเกี่ยวกับสัตว์นรกที่ได้รับความทุกข์ต่างๆ มักเขียนไว้ตามวัดทั่วไป เพื่อให้เป็นเครื่องเตือนใจแก่มวลมนุษย์ไม่ให้กระทำความชั่วต่อสัตว์โลกด้วยกัน

นอกจากนี้ในคัมภีร์ได้กล่าวถึงการบำรุงบิดา มารดา โดยแต่งเป็นนิทานที่มีเรื่องเล่าว่ามีมาณพนามว่า “มิตตวินทุ” เป็นบุตรเกกมะเหรกของอุบาสิกาหม้ายผู้หนึ่ง เขาต้องการจะไปเที่ยวทะเลกับพ่อค้าสำเภา แต่มารดาไม่อนุญาตให้ไปเพราะด้วยความเป็นห่วงเกรงว่าจะได้รับอันตราย บุตรชายไม่พอใจจึงใช้เท้าถีบมารดาล้มคว่ำลง แล้วจึงหนีไปเที่ยวกับพ่อค้าสำเภาจนได้
ด้วยผลกรรมที่ได้กระทำไว้แก่มารดาของตนเช่นนั้น เผอิญเรือลำนั้นมีเหตุเป็นไปคือเรือได้แตกอยู่กลางทะเล มิตตวินทุ ได้ว่ายน้ำไปพบเกาะๆหนึ่ง ซึ่งเป็น ที่อยู่ของพวกเปรตเศษนรกเมื่อมิตตวินทุขึ้นเกาะนั้นได้เผอิญไปพบเปตรตนหนึ่ง
ซึ่งทุบตีพ่อแม่แล้วไปตกนรก เมื่อพ้นจากนรกแล้วก็มาเป็นเปรตที่เกาะนี้ บนศรีษะมีกงจักหมุนคว้าง ผ่าศีรษะ มีเลือดไหลกระเซ็นเป็นฝอย ร้องครวญคราง พร้อมกับยกมืออันสั่นระริกขึ้นกวัดแกร่งด้วยความเจ็บปวดอันแสนจะทนได้ เป็นเพราะผลกรรมที่ได้กระทำไว้กับมารดาตน มิตตวินทุจึงได้แลเห็นกงจักรที่พัดอยู่บนศีรษะของเปรตตนนั้นเป็นดอกบัว ซึ่งช่างเหมือนดอกไประดิษฐ์ที่ทำเป็นเครื่องสวมศรีษะอย่างงดงาม และสังเกตเสียงร้องครวญคราง พร้อมกับยกมืออันสั่นกวัดแกว่งไปมานั้นเป็นเสียงร้องรำทำเพลง พร้อนกับการฟ้อนรำที่รื่นเริงยิ่งนักถึงแก่หักใจไว้ไม่ได้จึงเข้าไปขอกงจักร ซึ่งตนเห็นเป็นดอกบัวต่อเปรตตนนั้น และเปรตตนนั้นก็ได้ทราบทันทีว่ามิตตวินทุ คงต้องทำกรรมอันแสนชั่วเช่นเรา กรรมจึงดลบัลดาลให้เขาต้องรักชอบและนิยมอย่างนี้ ซึ่งเราก็น่าจะพ้นจากกรรมนี้แล้ว เปรตตนนั้นจึงได้มอบกงจักรให้แก่ มิตตวินทุ แล้วก็อันตรธารหายไป ต่อจากนั้น มิตตวินทุ จึงได้รับช่วงกงจักร ซึ่งตนสำคัญผิดว่าเป็นดอกบัว พร้อมด้วยความทุกขเวทนาที่ไม่ผิดแผกกับเปรตผู้มอบให้แก่ตนจนสิ้นกรรมไปใน ครั้งนี้

รวมความสุภาษิตที่กล่าวว่า “ เห็นกงจักรเป็นดอกบัว ” นั้นมาจากเรื่องของ มิตตวินทุ ซึ่งใช้เปรียบเทียบในเรื่องที่เห็นผิดเป็นชอบดังที่ได้กล่าวมาแล้ว

กาพย์ห่อโคลง

อย่านิยมสิ่งร้ายชอบ ชมชั่ว
เห็นสนุกทุกข์ถึงตัว จึ่งรู้
กงจักรว่าดอกบัว บอกรับ เร็วแฮ
จักรพัดเศียรร้องฮู้ จึ่งรู้ผิดตน
อย่านิยมสิ่งทุกข์ เห็น สนุกกลับทุกข์ทน
กงจักรว่าบัวจน จักร พัดตนจึงรู้ตัว
ว่าโอ้เรานี้ชั่ว ชอบกรรม ชั่วนา
เป็นอกตัญญูทำ โทษไว้
ดอกบัวยั่วเนตรนำ นึกชอบ
บัวกลับเป็นจักรได้ ดั่งนี้กรรมสนอง
ว่าโอ้ตัวเรานั้น เป็น อกตัญญูมัวหมอง
ดอกบัวยั่วจิตจอง บัวผิดปองเป็นจักรไป

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น