++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันพฤหัสบดีที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

THE LEGEND OF MICHAEL JACKSON

THE LEGEND OF MICHAEL JACKSON
โดย แสงแดด

ถ้าจะไม่เขียนถึง "การจากไป" ของ "ราชาเพลงป็อป : ไมเคิล แจ็กสัน
(Michael Jackson)" ก็คงจะทั้ง "เชย-ล้าสมัย" หรือ "ไม่ร่วมสมัย"
และไม่สำคัญเท่ากับว่า "แสงแดด" เป็น "แฟนพันธุ์แท้" ของไมเคิล แจ็กสัน
มาตั้งแต่ยุค 1970 จนถึง 1980 เรียกว่า "ประกบคู่"
กันมาตั้งแต่สมัยวัยรุ่น จนถึงสมัยรุ่นดึกดำบรรพ์ตราบเท่าทุกวันนี้

การจากไปของนักร้องราชาเพลงป็อปชื่อดัง ไมเคิล แจ็กสัน
สะเทือนขวัญบรรดาแฟนๆ ไปทั่วโลก จนมีแฟนๆ
ที่นิยมชมชอบคลั่งไคล้ฆ่าตัวตายตามไปแล้ว 12 ราย หรืออาจจะมากกว่านั้น
ไปแล้วก็ได้

"แสงแดด" นับว่าคุ้นเคยกับไมเคิล แจ็กสัน
ในเชิงการติดตามฟังเพลงของเขาตั้งแต่ยุคก่อน 1970 ซะด้วยซ้ำ
แต่มาดังระเบิดเอาช่วง 1970 ต้นๆ
ตอนที่พี่น้องตระกูลแจ็กสันได้ตั้งวงดนตรีและร้องร่วมกัน โดยใช้ชื่อวงว่า
"แจ็กสัน 5 (Jackson 5)" ซึ่งมี ไมเคิล แจ็กสัน
เป็นนักร้องนำเมื่ออายุเพียง 7-8 ขวบเท่านั้น

ถ้าจำไม่ผิด น่าจะเป็นเพลง "I' ll Be There"
ที่ดังกระหึ่มได้รับการยอมรับ และร้องเพลงนี้กันได้ทุกคนทั่วโลก
ตั้งแต่บัดนั้นจนถึงบัดนี้ จนนักร้องหญิงชื่อดัง Mariah Carey
นำมาร้องร่วมไว้อาลัย เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ที่ Staple Center
ใจกลางนครลอสแองเจลลิส

นับตั้งแต่ ค.ศ. 1970 เป็นต้นมา ไมเคิล แจ็กสัน
ไต่ระดับเป็นนักร้องยอดนิยมตั้งแต่เยาว์วัย โดยเริ่มฉายแสงครองความเป็น
"อัจฉริยะ" ทางด้านดนตรีและการร้องเพลงเมื่ออายุได้ประมาณ 6-7 ขวบ
แต่มาโด่งดังคับฟ้าตอนอายุเพียง 11 ปีเท่านั้น

จากนั้นเป็นต้นมา เมื่อ "Jackson 5"
ประสบความสำเร็จได้รับการยอมรับโด่งดังไปทั่วโลก จนมาถึงช่วง 1980 ไมเคิล
แจ็กสัน จึงดังแล้วแยกวงมาเป็น "นักร้องเดี่ยว" เอง ยิ่งทำให้ไมเคิล
แจ็กสัน ดังทะลุฟ้าระเบิดเถิดเทิง แบบยั้งไม่อยู่อีกต่อไป

"แสงแดด" จำและสาธยายคงไม่สามารถครอบคลุมได้ทั้งหมด
ถึงประวัติความเป็นมาของไมเคิล แจ็กสัน แต่ชุดที่ทำให้ไมเคิล แจ็กสัน
ดังสุดขีด น่าจะเป็นชุด "Thriller" โดยเฉพาะเพลงบิลลี่ จีน (Billy Jean)
ที่ติดท็อปชาร์ท นานหลายเดือน และยอดขายอัลบั้มทะลุหลายล้าน
เราต้องยอมรับว่าชุด Thriller ได้สร้างความโด่งดังให้ไมเคิลอีกครั้ง
จนกลายเป็นดาวค้างฟ้า และ "แสงแดด" ต้องยอมรับว่า
เป็นชุดอัลบั้มที่ดังที่สุดของไมเคิล แจ็กสัน แต่สำหรับวงการเพลง
อาจจะคิด "สวนทาง" กับ "แสงแดด" ก็เป็นได้

หลังจากนั้นเป็นต้นมา ข่าวคราวเกี่ยวกับไมเคิล แจ็กสัน
เริ่มทยอยออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเรื่องส่วนตัวของเขา ไม่ว่าจะเป็น
"วิถีชีวิต" ที่เปลี่ยนไปหลังจากเป็น "ดาวค้างฟ้า!"
จนมาถึงการเปลี่ยนแปลง "โฉมหน้า" และ "สีผิว" ของเขาที่จากเป็น
"คนดำ-นิโกร" และมาเป็น "ผิวขาว" กล่าว อีกนัยหนึ่ง
การผ่าตัดโครงหน้าและสีผิวที่เปลี่ยนไป
จะเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ว่าไมเคิลต้องการที่จะเปลี่ยนเผ่าพันธุ์ของตนเอง
จาก "คนดำ" มาเป็น "คนขาว!"

หรือจาก "Black" มาเป็น "White" ซึ่งในที่สุด
เขาก็มีเพลงที่เกี่ยวกับ "Black or White"
ออกมาสร้างความโด่งดังอีกครั้งหนึ่ง
ที่เนื้อหาสาระว่าไม่ควรมีการแบ่งแยกสีผิวหรือ "ปัญหาการเหยียดผิว
(Racism)" ที่เป็นปัญหาของสังคมอเมริกัน

ว่ากันตามความเป็นจริงแล้ว ไมเคิล แจ็กสัน โด่งดังสุดขีดในช่วง
1970-1980 จากสไตล์การร้องเพลง โดยเฉพาะชุด Thriller ที่มีท่าเต้น 2 ท่า
ที่จดจำกันไปทั่วทั้งโลก คือ "ท่าลูบเป้า" และ "ท่ามนุษย์เดินพระจันทร์
(Moon Walker)" ซึ่งต้องยอมรับว่า "ท่าเต้นดังสองท่า" ไม่มีใครในโลกนี้
ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันสามารถเต้นได้ดีเท่าไมเคิล แจ็กสัน

ไมเคิล แจ็กสัน โด่งดังอย่างต่อเนื่อง และมีผลงานออกสู่แฟนๆ
ทั่วโลกตลอดระยะเวลาเกือบชีวิตนักร้องของเขาประมาณ 30 ปี เรียกว่า
ออกมากี่ชุดต่อกี่ชุด เป็นต้องสร้างยอดขายได้จำนวนหลายล้านแผ่นทั่วโลก
จนทำให้ไมเคิลร่ำรวยมหาศาล เป็น "อภิมหาเศรษฐี"
จนดูแลครอบครัวได้หมดทุกคน

หลังจากที่เขาร่ำรวยสุดขีด จนมาสร้าง "ดินแดนมหัศจรรย์"
ที่ชื่อว่า "Neverland" เปรียบเสมือน "ดินแดนเด็กๆ" ที่เป็นดินแดนของ
"Peter Pan" นอกนครลอสแองเจลลิส เปรียบเสมือนว่า ไมเคิล แจ็กสัน
ยังไม่ยอมโต และ/หรือ ไม่ยอมรับ "ความเป็นผู้ใหญ่" พูดง่ายๆ คือ
เขาอยากเป็นเด็กตลอดกาล

เหตุผลสำคัญที่ทำให้ ไมเคิล แจ็กสัน
ยังคิดจินตนาการว่าตนเองเป็นเด็กตลอดกาลนั้น น่าจะเกิดจากสาเหตุที่
ไมเคิล ไม่เคยมี "วัยเด็ก" ที่สามารถร่าเริง
เล่นสนุกสนานเหมือนเด็กทั่วไปได้เลย
เนื่องด้วยเดินเข้าสู่วงการเพลงตั้งแต่อายุ 6-7 ขวบเท่านั้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง "การบังคับขู่เข็ญ" ของ "พ่อ" ที่ทำให้ไมเคิล มี
"ความเก็บกด" ตั้งแต่นั้นมา
ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับพ่อไม่ดีและไม่ราบรื่น
จนในพินัยกรรมของเขาไม่มีการระบุถึงพ่อของเขาเลย

ถ้าจะว่ากันตามความเป็นจริงแล้ว กรณีการบังคับขู่เข็ญของพ่อเขา
น่าจะตีความได้ว่าเป็น "เจตนารมณ์ดี" ที่เห็นแววของไมเคิล ว่า
"โด่งดังแน่!" และจะสร้าง "ผลงาน" และไม่สำคัญเท่ากับ "รายได้มหาศาล"
ให้กับครอบครัว พ่อเขาจึงพยายามกดดันอย่างเต็มที่ ประกอบกับ
"ความสามารถ-อัจฉริยะ" ของไมเคิล เป็นไปตาม "ความใฝ่ฝัน"
ของพ่อและครอบครัว

เนื่องด้วย "การร้องเพลง" ตลอดจน "เสียงร้องของเด็ก"
ที่ฟังดูดีและน่ารัก ซึ่งเป็นความสามารถเฉพาะตัวของไมเคิล
ซึ่งในอดีตก่อนหน้านั้น ไม่เคยมีปรากฏการณ์เช่นนี้มาก่อน อาจมีเพียง
Donny Osmond นักร้องเด็กผิวขาวในยุคเดียวกันเท่านั้น
ที่ประกบคู่ดังมาพร้อมๆ กัน แต่ปลายทาง ไมเคิล แจ็กสัน
แซงแบบทิ้งห่างช่วง ค.ศ. 1980

ช่วง ค.ศ. 1990 เป็นต้นมา เรามักได้ยินข่าวคราวของไมเคิล แจ็กสัน
ในเชิงลบมาโดยตลอด โดยเฉพาะ "พฤติกรรมเบี่ยงเบน"
ตั้งแต่ข่าวการล่วงละเมิดทางเพศกับเด็กอายุเพียง 13 ปี
หรือเลยเถิดไปจนถึง "การอัพยาเสพติด!"

อย่างไรก็ตาม "จริง-เท็จ" ไม่มีใครตอบได้ ถามว่า "แสงแดด"
เชื่อหรือไม่กับทั้งข่าวคราวและคดีความต่างๆ ที่มีการฟ้องร้องกัน
ก็ต้องตอบตามตรงว่า "เชื่อครึ่ง ไม่เชื่อครึ่ง" เนื่องด้วย
ใครก็ตามในโลกนี้ที่ประสบความสำเร็จสูงสุดด้วยวัยอันน้อยนิด
เป็นอภิมหาเศรษฐีตั้งแต่อายุยังไม่ถึง 20 ปี
แถมมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก จะไปไหนมาไหน มีแต่แฟนๆ "รุมตอมตรึม!"
จนชีวิตส่วนตัวไม่ต้องพูดถึง "ความอึดอัด-ความกดดัน"
ย่อมเกิดขึ้นเป็นธรรมดา เสมือนถูกแรงบีบคั้นมากๆ เข้า "อารมณ์เล็ด!"
ย่อมเกิดขึ้นเป็นธรรมดา จนก่อให้เกิด "พฤติกรรมเบี่ยงเบน"

ยิ่งมีการผ่าตัดโครงหน้าและฟอกผิว บุคลิกออกไปทาง
"รักร่วมเพศ-เกย์" ยิ่งทำให้สาธารณชนเกิดอาการเพ้อเจ้อ ฟุ้งซ่านไปกันใหญ่
จึงเป็นธรรมดาที่ความรู้สึกและความนิยมชมชอบในตัวไมเคิล แจ็กสัน
ถูกแบ่งออกไป 3 ทาง กล่าวคือ ความรักชอบลดน้อยลง
หรือไม่ก็ยังคงมีความรู้สึกนิยมชมชอบเช่นเดิม หรือไม่ก็ไม่รู้สึกอะไรเลย

ต้องยอมรับความจริงว่า "แสงแดด" เองช่วงระยะประมาณ 7-8
ปีที่ผ่านมา ไม่ค่อยรู้สึกอะไรมากมายกับข่าวคราวของไมเคิลนัก
เนื่องด้วยเข้าใจ "สัจธรรม" ของ "โลกมนุษย์" แต่ยังคงนิยมชมชอบ
คลั่งไคล้เพลงของไมเคิล ตั้งแต่วัยหนุ่มจนปัจจุบัน "วัยดึก" พอสมควร

การจากไปของ ไมเคิล แจ็กสัน เมื่อวัยเพียง 50 ปี ของเขา "แสงแดด"
คาดการณ์ไว้นานแล้วว่า ในที่สุดเหตุการณ์บั้นปลายชีวิตของไมเคิล แจ็กสัน
ต้องจบลงในลักษณะนี้ เพราะเขาประสบความสำเร็จตั้งแต่เยาว์วัย และเป็น
"ดาวค้างฟ้า" มาตลอดระยะเวลา 40 กว่าปี เรียกว่า "ดังไม่รู้ดับ!"

คงไม่มีใครในโลกนี้จะยั่งยืนลงและปกติสุขจนอายุยืนยาวไปจนถึง
70-80 ปี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ชีวิตของไมเคิล แจ็กสัน ที่โลดแล่นอยู่บน
"ฟ้าบันเทิง" มาเช่นนี้

ทั้งนี้ Michael Jackson จะยังคงเป็น "ตำนาน (Legend)"
ไปอีกนานแสนนาน จากความเป็น "ราชาเพลงป็อป (King of Pops)"
ที่ต้องจารึกในประวัติศาสตร์ และ "เขาจะไม่มีวันตายไปจากโลกนี้!"

http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9520000079405

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น