++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันพฤหัสบดีที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

"กองทุนสุขภาพชุมชน" พลัง อบต.จุดเปลี่ยนประเทศไทย

"กองทุนสุขภาพชุมชน" พลัง อบต.จุดเปลี่ยนประเทศไทย

รายงานพิเศษโดย....วรรณภา บูชา


หลาย คนอาจคุ้นเคยกับภาพการขุดเจาะ สร้างถนน
ทะนุบำรุงสาธารณูปโภคพื้นฐานขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.)
ทั่วประเทศ อย่างไรก็ตาม นอกจากกิจกรรมดังกล่าวแล้ว
ยังมีอีกกิจกรรมหนึ่งที่น่าสนใจและขยายตัวเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ นั่นก็คือ
"กองทุนสุขภาพชุมชน"
ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อจุดประกายให้ผู้นำชุมชนหันมาสนใจมิติด้านสุขภาพ

กองทุนนี้ริเริ่มดำเนินการมาเป็นเวลา 4 ปีแล้ว โดยปัจจุบันมี
อบต.และเทศบาลเข้าร่วมถึงกว่า 3,943 แห่งเลยทีเดียว

"เมื่อคนในชุมชนได้รับความเดือนร้อนจากปัญหาสุขภาพ
ย่อมส่งผลกระทบทั้งร่างกาย จิตใจและการทำมาหากิน รวมไปถึงครอบครัว
ดังนั้น การให้การช่วยเหลือผู้ป่วยให้ได้รับการบริการรักษาพยาบาลเพียง 1
คน ก็เท่ากับได้ดูแลสุขภาพจิตใจของคนในครอบครัวอีก 4-5 คน"ทวีป จูมั่น
วัย 60 ปี นายกองค์การบริหารส่วนตำบลหัวไผ่ อ.เมือง จ.สิงห์บุรี
บอกถึงแนวคิดในการก่อตั้ง "กองทุนหลักประกันสุขภาพตำบล" ขึ้นในชุมชน

ลุงทวีป อธิบายเพิ่มเติมด้วยว่า ปัญหาสำคัญปัญหาหนึ่งของชุมชนคือ
การบริการทางการแพทย์ไม่ทั่วถึง เพราะพื้นที่ห่างไกลจากตัวเมือง
ทำให้ลำบากในการเดินทาง ดังนั้น
จึงให้ความสนใจในการจัดตั้งกองทุนหลักประกันสุขภาพตำบลขึ้นโดยได้รับการสนับ
สนุนงบประมาณจากสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ขณะที่ทาง
อบต.หัวไผ่ เองก็ได้สบทบงบประมาณเพิ่มเติมอีกประมาณ 100,000 บาท หรือ 50%
ของงบประมาณทั้งหมด

นอกจากนี้
ยังมีเงินที่ได้รับบริจาคมาจากประชาชนในพื้นที่ที่เห็นความสำคัญของกองทุน
เพราะก่อให้เกิดประโยชน์กับชุมชนโดยตรง

"เราไม่ต้องรอให้ใครมาสั่ง เพราะรอให้สั่งอาจแก้ปัญหาไม่ทัน
แต่เมื่อรู้ว่าเกิดปัญหาขึ้นก็จัดการได้ทันที เช่น
หากมีการระบาดของโรคไข้เลือดออก
ก็ทำการการปราบลูกน้ำยุงลายได้อย่างรวดเร็ว
โดยล่าสุดเราได้มีการสร้างสระว่ายน้ำวารีบำบัดขึ้นเพื่อใช้สำหรับการออก
กำลังกายของบรรดาผู้สูงอายุทั้งหลาย" ลุงทวีป แจกแจง

ไม่ต่างกันกับ "เสรี เนินพลับ วัย 74 ปี นายก อบต.เนินศาลา
อ.โกรงพระ จ.นครสวรรค์ ที่เห็นว่า ถ้าจะทำอย่างอื่นให้ได้ดี
สุขภาพต้องดีก่อน ดังนั้น เมื่อทางโรงพยาบาลประสานงานให้ทาง อบต.เนินศาลา
ให้จัดตั้งกองทุนสุขภาพชุมชนขึ้นในปี 2549
จึงได้ตัดสินเข้าร่วมโครงการนำร่อง เพราะตรงกับต้องการของชุมชนอยู่แล้ว

ทั้งนี้ อบต.เนินศาลาได้ลงทุนสร้างอาคารสุขภาพ 1 หลัง
เพื่อรวมตัวกันทำกิจกรรมต่างๆ เช่น การพบปะพูดคุยพักผ่อน การออกกำลังกาย
เป็นศูนย์กลางของชุมชน ซึ่งปัจจุบันมีผู้สูงอายุประมาณ 443 ราย ผู้พิการ
37 ราย ได้ใช้ประโยชน์จากพื้นที่ดังกล่าว

สำหรับผลสำเร็จที่ชุมชนได้รับนั้น ลุงเสรี บอกว่า
การทำงานอย่างจริงจัง ส่งผลให้คนมีสุขภาพดี การเจ็บป่วยลดลง
และทำให้คนมีจิตใจดีขึ้น มีเวลาในการนั่งสมาธิ ทำบุญ
โดยเฉพาะตนเองรู้สึกภูมิใจมากที่ได้ริเริ่มตั้งกองทุนไว้ให้สำหรับลูกหลานใน
อนาคต ซึ่งงานที่เพิ่มขึ้นไม่ได้เป็นภาระ
เพราะไม่ได้ทำคนเดียวแต่ทุกคนมีส่วนร่วม

ด้าน ดร.เบญจวรรณ ทิมสุวรรณ เครือข่ายวิจัยประเมินโครงการ
และคณะดำเนินการวิจัยสังเคราะห์ และถอดบทเรียนในทุกจังหวัด จังหวัดละ 1-2
แห่ง พบว่า ความเปลี่ยนแปลงกระบวนทัศน์ที่ชัดเจน จากเดิมที่อบต.และเทศบาล
จะเน้นการซ่อมถนน พัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน
ก็เห็นความสำคัญพัฒนาคุณภาพชีวิตมากขึ้น โดยเฉพาะคนที่อยู่ไกลๆ
หรือคนพิการ ที่อาจต้องค้นหา และช่วยให้เข้าถึงบริการมากยิ่งขึ้น

ขณะที่ นพ.ประทีป ธนกิจเจริญ รองเลขาธิการ
สปสช.มองอนาคตของกองทุนนี้ ว่า แม้กองทุนจะเริ่มจากภารกิจทางกฎหมายของ
อปท.และ สปสช.แต่มีจุดเด่นในเรื่องการทำงานกระบวนการพัฒนาเริ่มจากให้มีการสำรวจ
ข้อมูลและจัดทำแผนชุมชน หรือแผนที่ยุทธศาสตร์
นำปัญหามาเรียนรู้ร่วมกันเป็นการกระจายอำนาจและถอดบทเรียนโดยนำปัญหาของ
ประชาชนมาเป็นศูนย์กลาง
ซึ่งสถานการณ์ปัจจุบันกองทุนกำลังขยายตัวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9520000076739

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น