++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันศุกร์ที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

เมืองใดไร้ธรรมอำไพ เมืองนั้นบรรลัยแน่นอน!

โดย สิริอัญญา

เคยให้กำลังใจคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กันตรงๆ
ต่อหน้าต่อตาไปหนหนึ่งว่า อำนาจของนายกรัฐมนตรีที่ได้รับโปรดเกล้าฯ
มานั้นมีอานุภาพมาก สร้างความเจริญรุ่งเรืองก็ได้
และสร้างความวิบัติให้กับบ้านเมืองก็ได้
ขอให้ตั้งหน้าทำการสนองพระเดชพระคุณให้สำเร็จ
เพราะถึงอย่างไรก็ไม่มีทางที่จะตายเพราะการถูกลอบสังหารเป็นอันขาด

และยังให้กำลังใจอีกว่าการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีครั้งนี้มีภาระ
หนักเพราะประชาชนตั้งความหวังเอาไว้มาก แต่หนักจะเป็นเบา
เพราะประชาชนสนับสนุนมาก คนสนับสนุนมีทั้งที่ปรากฏตนและไม่ปรากฏตน
มีทั้งคนที่แสดงท่าทีทางการเมืองต่างๆ นานาหลากหลาย

แต่ ก็ได้เตือนด้วยว่า
ผู้เป็นใหญ่นั้นต้องสามารถทนฟังคำเตือนคนอื่นหรือฟังเสียงติติงของคนอื่นได้
เพราะเสียงเตือนและเสียงติติงนั้นเป็นเสียงของความปรารถนาดี

คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนักการเมืองหนุ่ม
มีความนอบน้อมและความอ่อนน้อมครองกายวาจาอยู่เป็นนิตย์
จึงได้รับความมงคลตามโลกนิติ
และเป็นไปตามเงื่อนไขที่จะได้รับพรตามคำพระในเวลาท่านให้พร
ซึ่งตั้งเงื่อนไขไว้เสมอว่าพรทั้งหลายและอายุ วรรณะ สุขะ พละนั้น
จะบังเกิดมีเฉพาะแก่ผู้ที่มีความนอบน้อมเป็นนิตย์

พบกันคราวนั้นแล้วก็เชื่อว่ารัฐบาลนี้จะทำหน้าที่บริหารบ้านเมืองไปครบเทอม
ดังที่คาดคะเนเหตุการณ์ไว้ตั้งแต่ตอนจัดตั้งรัฐบาลแล้ว
และด้วยความหวังอย่างนั้น การใดชอบก็ต้องชื่นชม
การใดไม่ชอบก็ต้องติติงตักเตือน
ซึ่งเป็นสิทธิและอำนาจของประชาชนที่จะทำได้

เพราะ ประชาชนเป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตย
เป็นเจ้านายโดยตรงของรัฐบาลและฝ่ายค้าน
ตลอดจนสมาชิกวุฒิสภาและข้าราชการทั้งปวงด้วย ยกเว้นก็แต่พวกข้าขายเจ้า
บ่าวขายนาย ที่ไม่นำพาความรู้สึกนึกคิดของประชาชน ยอมตนเป็นทาสน้ำเงิน
แล้วประพฤติปฏิบัติตนไปตามกระแสเงินที่พัดพาให้เป็นไป

คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ถูกลอบสังหารมาอย่างน้อย 3 ครั้งแล้ว
แต่รอดตัวมาได้ทุกครั้ง เพราะชะตาจะไม่ตายด้วยการถูกลอบสังหารอย่างหนึ่ง
และสวรรค์มีตา ฟ้ามีใจ
เทพยดาและมนุษย์ผู้หวังดีต่อบ้านเมืองอุปถัมภ์ปกป้องค้ำจุนอยู่

ก็ต้องพูดกันตรงนี้ว่า การดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของคุณอภิสิทธิ์
เวชชาชีวะ นั้นเป็นภาระอันหนัก เป็นภาระอันเสี่ยง และเสี่ยงต่อชีวิต
ทั้งทางกายภาพและทางการเมืองไปพร้อมๆ กัน
พลาดเข้าวันไหนเป็นอันแย่วันนั้น

แต่ ที่ยังไม่พลาดก็เพราะชะตาไม่ถึงเวลาพลาด และเทพยดา
ตลอดจนมนุษย์ผู้รักบ้านรักเมืองแผ่บารมีและเงื้อมมือมาปกป้องคุ้มครอง
ซึ่งเป็นเรื่องที่จะต้องตระหนักและต้องถือว่าเป็นขวัญกำลังใจอันสำคัญ
ที่จะต้องทำให้ภารกิจอันสำคัญที่ได้รับมอบหมายมาให้บรรลุผลสำเร็จให้จงได้

ในห้วงเวลาใกล้ๆ นี้ก็เกือบพลาดท่าเสียทีอีกสองครั้ง สองหน

หนล่าสุดก็คือการที่มีผู้ปรารถนาดีนำงาช้างคู่ไปมอบเป็นบรรณาการใน
โอกาสที่เดินทางไปลงพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ แต่ในที่สุดก็ไหวตัวทัน
แล้วคืนของกำนัลนั้นไป

ผู้รู้ย่อมรู้ว่า จะโดยเจตนาหรือไม่เจตนาก็ยากที่จะชี้ขาด
แต่ถ้าหากคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รับของกำนัลไว้เป็นสิทธิ
ก็จะมีความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
ดังนั้นการไหวตัวทันแล้วรีบคืนไปจึงทำให้ปลอดภัยจากความผิดดังกล่าว

และ ควรต้องสังวรไว้ให้จงดีว่าทุกย่างก้าว ทุกฝีเท้าที่ก้าวเดิน
แม้อยู่ในท่ามกลางรอยยิ้มและไออุ่นใดๆ ก็ตาม
แต่ขวากหนามหรือหุบเหวแม้กับดักก็มีอยู่ดาษดื่นทั่วไป

ก่อนเรื่องของขวัญก็มีเรื่องการสมนาคุณให้กับกลุ่มพันธมิตรประชาชน
เพื่อประชาธิปไตย ด้วยการตั้งข้อหาเป็นผู้ก่อการร้าย
ซึ่งมีโทษหนักถึงขั้นประหารชีวิต

เรื่องนี้เชื่อว่าคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในฐานะนายกรัฐมนตรี
คงมิได้เกี่ยวข้องสั่งการ
แต่อยู่ในข่ายที่สามารถรับรู้หรือรับรายงานว่าจะมีปฏิบัติการอย่างนั้น
เพราะในฐานะผู้บริหารสูงสุดของรัฐบาลก็ดี
ในฐานะผู้บังคับบัญชาสูงสุดของสำนักงานตำรวจแห่งชาติก็ดี
มีฐานะและอำนาจหน้าที่ที่จะต้องได้รับรู้รับทราบกระบวนการที่ดำเนินไป

เชื่อ ว่าคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้รับทราบเรื่องนี้
แต่เหตุการณ์สมนาคุณแก่กลุ่มพันธมิตรฯ ก็เกิดขึ้น
และเมื่อเกิดขึ้นแล้วลองหวนทวนไปตรวจสอบดูก็จะรู้เองว่าได้บังเกิดกระแสใหญ่
ที่จะไล่คุณกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
ออกจากตำแหน่ง

ทั้งผู้คนภายในรัฐบาล ทั้งฝ่ายค้าน
ทั้งนักวิชาการสังกัดค่ายบางส่วน และสื่อมวลชนสังกัดค่ายบางสำนัก
ประสานเสียงก้องกระหึ่มยิ่งกว่าการบรรเลงสังคีตสัมพันธ์
แต่เป้าหมายของมันเป็นอย่างเดียวกันคือ
ไล่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ

แต่แผ่นดินนี้ใช่ว่าจะไม่มีผู้รู้ทัน
ดังนั้นบรรดาผู้รู้ทันและปรารถนาดีต่อรัฐบาลจึงได้ขวางแผนการร้ายในครั้งนี้
อย่างกว้างขวาง ไม่ต่างกับการขับไล่เท่าใดนัก

ที่มีการขวางก็เพราะรู้กระจ่างว่า
นี่มิใช่แผนขับไล่เฉพาะแต่คุณกษิต ภิรมย์ ออกจากตำแหน่งเท่านั้น
เป้าหมายหลักทางยุทธศาสตร์ของแผนการนี้คือไล่คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
ออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และล้มรัฐบาลผสมชุดนี้

มี ผู้กล่าวว่าทันทีที่รัฐบาลนี้ล้มครืนลง
รัฐบาลแห่งชาติที่ประกอบด้วยพรรคประชาธิปัตย์และพรรคเพื่อไทย
โดยมีคุณเสนาะ เทียนทอง
หัวหน้าพรรคประชาราชเป็นนายกรัฐมนตรีก็จะปรากฏขึ้น
แต่จะไม่มีคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในทางการเมืองอีกต่อไป

กระแสไล่กับกระแสขวางประดาบกันเลือดเดือดไม่ทันนาน
ประสานกับสายลมวิเวกหวิวพัดจากใต้เข้ากรุง
พวกแกนนำในรัฐบาลและพรรคประชาธิปัตย์ก็ได้สติยั้งคิด
แล้วบรรดาพรรคร่วมก็ได้สติยั้งคิด
ดังนั้นการตีโต้แผนการลอบสังหารทางการเมืองต่อรัฐบาลและคุณอภิสิทธิ์
เวชชาชีวะ จึงเกิดขึ้นดังที่เห็นๆ กันอยู่

แต่ทว่าในส่วนของการตั้งข้อกล่าวหาผู้ก่อการร้ายนั้นยังคงเป็นชนักปักหน้าปักหลังรัฐบาลอยู่

เพราะในวันนี้หากไม่ถอนหอกโมกขศักดิ์ด้ามนี้ออกไป
รัฐบาลนั่นแหละจะได้ชื่อว่าเป็นแหล่งซ่องสุมการก่อการร้าย

เพราะรัฐมนตรีต่างประเทศก็ดี
ผู้มีศักดิ์จอมพลของกองทัพไทยซึ่งเป็นสามีของที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีก็ดี
ที่ปรึกษารัฐมนตรีบางคนในรัฐบาลก็ดี อดีตรัฐมนตรีบางคนก็ดี
แม้กระทั่งคนจัดรายการธรรมะซึ่งไปจัดรายการให้ผู้ชุมนุมพันธมิตรฯ
ฟังก็ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ก่อการร้าย

คนเหล่านั้นล้วนแวดล้อมอยู่กับรัฐบาล
ดังนี้รัฐบาลจะหนีข้อหาเป็นแหล่งซ่องสุมผู้ก่อการร้ายไปได้อย่างไร

แต่ ทว่าเป็นเรื่องการก่อการร้ายที่ไร้เดียงสา
และต่ำกว่ามาตรฐานการก่อการร้าย จนกลายเป็นเรื่องโจ๊กตลกโปกฮาระดับสากล
ที่เป็นที่กล่าวขวัญกล่าวขานกันอย่างสนุกสนานในเวทีการทูตและผู้นำประเทศ
ต่างๆ ไปแล้ว

พบหน้าทูตบางประเทศเขาก็พูดเล่นว่า ประเทศของคุณนี้แปลกจริงๆ
มีนายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้าพวกผู้ก่อการร้าย
แต่หัวหน้าผู้ก่อการร้ายและผู้ก่อการร้ายที่เป็นรัฐมนตรีต่างประเทศก็ได้
ประชุมร่วมกับผู้นำประเทศต่างๆ
รวมทั้งประเทศที่เป็นหลักในการต่อต้านการก่อการร้ายอันดับหนึ่งของโลกด้วย

เป็นเรื่องการก่อการร้ายที่มีการเลือกปฏิบัติที่ชัดเจนที่สุด
เพราะเรื่องความสงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ก็ดี
เรื่องบุกการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนจนบรรดาผู้นำชาติต่างๆ เผ่นกระเจิง
แล้วเสื่อมเสียต่อชาติบ้านเมืองและเกิดความเสียหายใหญ่หลวงก็ดี
การพยายามฆ่านายกรัฐมนตรีถึง 3 ครั้งก็ดี การเผาบ้านเผาเมืองก็ดี
ไม่มีใครถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ก่อการร้ายเลย

มีแต่พวกที่นั่งๆ ยืนๆ ร้องรำทำเพลง กล่าวปราศรัย
ฟังรายการธรรมะเท่านั้นที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ก่อการร้ายและความจริงก็มีคน
เข้าร่วมนับแสนคน แต่เลือกปฏิบัติเอาแค่ 36 คน
ส่อว่าจะขัดกับรัฐธรรมนูญอีกประการหนึ่งแล้ว

ความเสื่อม ความวิกฤต ในกระบวนการยุติธรรม
กำลังถึงจุดที่วิกฤตที่สุดเท่าที่บ้านเมืองเคยมีมา
นี่คือสภาวะที่บ้านเมืองขาดธรรม

ย่อมมีอนาคตที่ต้องเป็นไปดังคำเตือนของพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 6
ที่ว่า "เมืองใดไร้ธรรมอำไพ เมืองนั้นบรรลัยแน่นอน"

คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และรัฐบาลจะยอ จะยั้ง
จะหยุดมิให้ความบรรลัยพินาศเกิดกับบ้านเมืองก็ต้องฟื้นฟูธรรมขึ้นในบ้าน
เมืองให้เป็นที่ประจักษ์ ขื่อแปบ้านเมืองแข็งแรงเมื่อใด
ความศิวิไลซ์รุ่งเรืองและความมั่นคงมั่นใจและความอยู่เย็นเป็นสุขก็จะมีขึ้น
เมื่อนั้น และนี่ก็คือภาระใหญ่ใจกลางที่วางอยู่บนบ่าคุณอภิสิทธิ์
เวชชาชีวะ แล้ว

ไม่ใช่เรื่องการท่องเที่ยว ไม่ใช่เรื่องหุ้นขึ้นลง
หรือเรื่องเงินฝืดเงินเฟ้อแต่ประการใดเลย.

http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9520000080519

1 ความคิดเห็น:

  1. อำนาจของนายอิสิทธิได้มาจากการปล้นอำนาจประชาชนแบะตั้งรัฐบาลในค่ายทหารอาศัยกระบอกปืนแบะมีสองมาตรฐานปกครองบ้านเมืองด้วยแต่พูด หาเรื่องทะเลาะกับเพื่อนบ้านเป็นความอดสูและสั่งเฆ่นฆ่าประชาชนอย่างไรมนุษยธรรม. ชาวโลกก็รู้ทั่วหน้าอนิจจาสัตว์โลกก็เป็นไปตามกรรม. และการมองอย่างเป็นธรรมนายอภิสิทธิหล่อแต่เป็นแค่หุ้นเชิด. น่าสงสารประเทศไทยที่มีนายกรูปหล่อแต่แต่หน้าโง่

    ตอบลบ