++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันเสาร์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

มองโลกในแง่ร้าย

มองโลกในแง่ร้าย


จาก หนึ่งสมอง สองมือ
รวมบทสนทนา "ชีวิตธุรกิจ" พ.ศ. 2530
โดย ประสาร มฤคพิทักษ์


เพื่อนนักธุรกิจคนหนึ่ง ประสบแต่เคราะห์กรรมมาตลอดในระยะ 2 ปี
ี่ผ่านมานี้ นอกจากถูกลูกค้าจ่ายเช็คคืนเป็นประจำแล้ว
ลูกของเขายังประสบอุบัติเหตุ หนำซ้ำสำนักงานถูกไฟไหม้
และการประกันไฟก็เพิ่งหมดอายุไปเพียงเดือนเดียว

เจอหน่ากันก็บ่นว่า "เคราะห์ร้าย" "ดวงไม่ดี" เห็นแล้วก็น่าเห็นใจครับ
พักนี้เลยกลายเป็นคนใจไม่เป็นสุข เพราะได้แต่กล่าวโทษตนเองอยู่เรื่อยๆ
กลายเป็นคนค่อนข้างไปมองโลกในแง่ร้าย

จิตใจที่มองโลกในแง่ร้าย จะคึงดูดโชคร้ายเข้ามาหาตนเอง
คนที่มองโลกในแง่ร้าย มักจะเสียสูญในการวินิจฉัยตัดสินใจ

รู้ว่า ลูกค้าเป็นคนฐานะเศรษฐกิจไม่ดีหรือไม่ค่อยน่าไว้วางใจเท่าไร
ก็ต้องไม่ปล่อยเครดิต หรือถ้าปล่อยก็จำกัดวงเงินให้น้อยลง
จะได้ไม่สูญเสียมาก

เมื่อสัญญาประกันไฟหมดอายุแล้ว ก็ควรต้องรีบต่ออายุสัญญาเสีย
จะได้มีการคุ้มครองภัยไฟไหม้ต่อไป

ให้ลูกเดินทางโดยรถยนต์
ก็ควรต้องสำรวจตรวจสอบสภาพเครื่องยนต์ให้อยู่ในสภาพเรียบร้อย
ไม่ใช่ปล่อยให้เบรคชำรุดแล้วไม่ยอมซ่อม

สำรวจดูความเคราะห์ร้ายที่เกิดกับเพื่อนแล้ว
ก็เพราะยังไม่ได้ทำสิ่งต่างๆให้ดีที่สุด
เนื่องจากจิตใจไปพะวงแต่การมองโลกในแง่ร้าย

การมองโลกในแง่ร้าย ทำให้การทำงานของกล้ามเนื้อและประสาทเฉื่อยชาลง
ประสาทรับรู้ไม่ว่องไวเท่าที่ควร มักจะวินิจฉัย
หรือตัดสินใจเหตุการณ์ต่างๆผิดพลาด มองไม่เห็นโอกาสดีที่มาถึง
เหมือนมีอะไรบังตาไว้ ที่สำคัญยังทำให้กลายเป็นคนไม่มีเสน่ห์
ไม่น่าเข้าใกล้ เท่ากับเป็นการดึงดูดเอาความโชคร้ายเข้ามาหาตนเองตลอดเวลา
เปลี่ยนท่าทีปเนด้านตรงข้าม คือ มองโลกในแง่ดีได้เมื่อไร
โลคดีก็จะมาแทนที่ครับ.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น