++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันศุกร์ที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

กทม.จับมือไมโครซอฟท์ส่ง "ซอฟต์แวร์มหัศจรรย์" พัฒนานักเรียน

กทม.จับมือไมโครซอฟท์ส่ง "ซอฟต์แวร์มหัศจรรย์" พัฒนานักเรียน

กทม. ร่วมกับไมโครซอฟท์
กระจายการเรียนรู้สู่นักเรียนในโครงการด้านการศึกษา "Microsoft Education
Alliance" ผ่านโปรแกรม "Microsoft MultiPoint"
ซอฟต์แวร์เพื่อการเรียนรู้อย่างเท่าเทียม และโปรแกรม "Microsoft
Accessibility" ช่วยลดช่องว่างการเรียนรู้สำหรับนักเรียนพิการ
เพื่อพัฒนาศักยภาพด้านการศึกษาใน 435 โรงเรียนทั่วกรุงเทพฯ
พร้อมเปิดการสอนนักเรียนชั้นประถมได้ในภาคเรียนที่ 2 /2552 นี้

วันนี้ (16 ก.ค.) ณ ห้องรัตนโกสินทร์ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร
(กทม.) ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม.พร้อมด้วยน.ส.ปฐมา
จันทรักษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด
ร่วมลงนามบันทึกความร่วมมือในโครงการ "Microsoft Education Alliance"
เพื่อความร่วมมือด้านการศึกษา
ขยายโอกาสการเรียนรู้อย่างไม่มีขีดจำกัดสำหรับครูและนักเรียนในโรงเรียน
สังกัด กทม.435 แห่ง โดยการนำเทคโนโลยีมาบูรณาการเข้ากับการศึกษา ได้แก่
โปรแกรม "Microsoft MultiPoint"
ซอฟต์แวร์มหัศจรรย์เพื่อการเรียนรู้อย่างเท่าเทียม และโปรแกรม "Microsoft
Accessibility" ที่ช่วยลดช่องว่างการเรียนรู้สำหรับนักเรียนพิการ

ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า
กทม.ตระหนักถึงความสำคัญในการพัฒนาคุณภาพด้านการศึกษาโดยมุ่งมั่น
ที่จะทำให้กรุงเทพฯ เป็นเมืองแห่งการเรียนรู้
โดยพยายามจัดสรรให้ประชาชนและชุนชนได้มีโอกาสในการเข้าถึงแหล่งความรู้และ
ข้อมูลให้กว้างขวางที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
ในส่วนของการศึกษาในระบบนั้นจะเน้นเรื่องของการพัฒนาในทุกๆ
ด้านที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียน การจัดระบบการศึกษา
การพัฒนาครูและนักเรียน รวมไปถึงการนำสื่อการสอนรูปแบบใหม่มาใช้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสนับสนุนให้นำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาช่วยในเรื่องการเรียน
การสอนเพื่อพัฒนาการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง
และสร้างความกระตือรือร้นด้านการศึกษาของครูและนักเรียนซึ่งโปรแกรม
ไมโครซอฟท์มัลติพอยท์สามารถทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์หนึ่งเครื่องสามารถรอง
รับการใช้งานของนักเรียน 3-50 พร้อมๆ
กันได้โดยที่นักเรียนแต่ละคนสามารถใช้เมาส์ของตัวเอง

ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่า ความร่วมมือดังกล่าวจะทำให้ระบบการศึกษา
กทม.ก้าวไปอีก 1 ก้าว
โดยความร่วมมือในครั้งนี้จะมีการนำเทคโนโลยีที่น่าสนใจของไมโครซอฟท์มาใช้
กับการศึกษา ได้แก่ การนำ Microsoft MultiPoint
มาพัฒนาการศึกษาทั้งในและนอกห้องเรียนสำหรับโรงเรียนในสังกัด
กทม.เป็นครั้งแรก โดยนำมาบูรณาการกับการเรียนการสอนใน 8 กลุ่มสาระวิชา
เช่น วิชาคณิตศาสตร์ สังคมศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และภาษาอังกฤษ เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังได้นำหลักสูตร Microsoft Accessibility มาใช้
เพื่อขยายโอกาสการเรียนรู้อย่างเท่าเทียมกันทั้งครู นักเรียนปรกติ
และนักเรียนพิเศษในโรงเรียนเรียนร่วมสังกัดกทม.
ซึ่งที่ผ่านมานักเรียนพิเศษ เช่น นักเรียนที่พิการทางสายตา
พิการทางร่างกายอื่นๆ อาจจะไม่ได้รับความเท่าเทียมกันในการเรียนรู้
แต่ปัจจุบันเมื่อเทคโนโลยีมีการพัฒนามากขึ้น
การเรียนรู้หรือการฝึกทักษะต่างๆ ก็ควรเป็นไปในแนวทางเดียวกัน
เพื่อให้นักเรียนทุกคนได้มีโอกาสเรียนรู้การใช้คอมพิวเตอร์อย่างทั่วถึง
ซึ่งความร่วมมือในครั้งนี้จะมีระยะเวลา 3 ปี

อย่างไรก็ตาม กทม.ได้จัดสรรงบประมาณกว่า 6 ล้านบาท
เพื่อจัดซื้อเมาส์และเป็นค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมการใช้โปรแกรมต่างๆ
ให้กับครูสังกัด กทม.ในระดับประถมศึกษาทั้งหมด 435 โรงเรียน โดยแบ่งเป็น
3 กลุ่ม กลุ่มละ 145 โรงเรียน เริ่มอบรมรอบแรกในวันที่ 10-11 กันยายน
2552 รอบที่ 2 ในวันที่ 15-16 กันยายน และรอบที่ 3 ในวันที่ 17-18
กันยายน 2552 และจะเปิดทำการเรียนการสอนให้กับนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษากว่า
3 แสนคน รวมถึงนักเรียนพิเศษซึ่งเป็นผู้พิการ จำนวน 1,800
คนของโรงเรียนสังกัด กทม.ได้ในภาคเรียนที่ 2/2552 นี้ นอกจากนี้
กทม.ได้เดินหน้าจัดซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์ จำนวน 20,500 เครื่อง
เพื่อนำมาใช้ในการเรียนการสอนของโรงเรียนสังกัด
กทม.โดยตั้งเป้าให้โรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานครมีคอมพิวเตอร์ใช้อย่างน้อย
โรงเรียนละ 41 เครื่อง คาดว่าภายในภาคเรียนที่ 2
จะสามารถทยอยส่งมอบให้โรงเรียนต่างๆ ได้

ด้าน น.ส.ปฐมา กล่าวว่า
สำหรับการสนับสนุนเทคโนโลยีเพื่อพัฒนาการศึกษาในโครงการความร่วมมือ
Microsoft Education Alliance ประกอบด้วยโปรแกรม Microsoft MultiPoint
Program ซึ่งพัฒนาโดยแผนกวิจัยของไมโครซอฟท์
ที่มีจุดประสงค์เพื่อขยายโอกาสในการเรียนรู้เทคโนโลยีแก่ผู้ที่มีข้อจำกัด
โปรแกรมไมโครซอฟท์มัลติพอยท์ทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์หนึ่งเครื่องสามารถรอง
รับการใช้งานของนักเรียนได้จำนวน 3-50 คนพร้อมๆ กัน
โดยนักเรียนแต่ละคนสามารถใช้เมาส์ของตัวเองควบคุมเคอร์เซอร์ที่ออกแบบมาเป็น
พิเศษบนหน้าจอและเรียนรู้ไปพร้อมๆ กันทั้งหมด
โปรแกรมนี้ไม่เพียงแต่ให้ทางออกสำหรับข้อจำกัดด้านงบประมาณ
แต่ยังสร้างประสบการณ์เรียนรู้ที่สร้างสรรค์และเน้นการส่งเสริมให้นักเรียน
มีส่วนร่วม และสามารถดึงความสนใจของนักเรียนทุกคนได้โดยไม่จำกัดโอกาสใช้คอมพิวเตอร์
อยู่ที่นักเรียนคนใดคนหนึ่งเท่านั้น

ส่วน Microsoft ICT Accessibility
เป็นหลักสูตรที่แนะนำโปรแกรมสนับสนุนการใช้งานคอมพิวเตอร์สำหรับผู้พิการที่
มีปัญหาในการเคลื่อนไหว หรือการมองเห็น
โดยจะสนับสนุนการทำงานของผู้พิการซึ่งไม่จำกัดเฉพาะว่าต้องเป็นผู้พิการทาง
สายตา หรือร่างกายเท่านั้น สำหรับผู้ที่ประสบอุบัติเหตุ
บกพร่องทางด้านสายตา
หรือแขนหักก็สามารถเรียนรู้ที่จะใช้โปรแกรมนี้ช่วยในการทำงานหรือสื่อสารกับ
ผู้อื่นได้ โดยเปิดโอกาสให้ผู้พิการที่มีปัญหาทางสายตา
หรือผู้พิการทางการเคลื่อนไหวได้มีโอกาสใช้คอมพิวเตอร์ในการเรียนรู้ได้
อย่างเท่าเทียมกับคนทั่วไป และยังเป็นการลดช่องว่างในการเรียนรู้อีกด้วย
นอกจากนี้ ทางไมโครซอฟท์ยังมีหลักสูตรขยายโอกาสการเรียนรู้อย่างเท่าเทียมสำหรับนัก
เรียนพิเศษ เช่น นักเรียนพิการทางสายตา หรือพิการทางร่างกายอื่นๆ
ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ในสังกัดโรงเรียน กทม.กว่า 1,800 คนด้วย

http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9520000080501

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น