++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันพุธที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

ความกล้าของชาวพันธมิตรฯ

ความกล้าของชาวพันธมิตรฯ
โดย สันติ ตั้งรพีพากร


หากจะวิสัชนาถึงความกล้าของชาวพันธมิตรฯ หนีไม่พ้นเรื่อง "ที่มา" และ "ลักษณะ"

เรื่องของ "ที่มา" หนีไม่พ้นการพิจารณาด้วยสายตาประวัติศาสตร์
(ตามหลัก "ท่วงทำนอง"ในการสร้างปัญญาแกนพันธมิตรฯ ที่ "ไม่ตัดอดีต")

เรื่องของ "ลักษณะ" หนีไม่พ้นการพิจารณาด้วยสายตาเปรียบเทียบ
(เข้าหลัก "มองเห็นป่าทั้งป่า"ใน "ท่วงทำนอง"การสร้างปัญญาแกนฯ)

ในเรื่องของ "ที่มา" เมื่อเรามองด้วยสายตาประวัติศาสตร์
เราก็จะพบว่า ชาวพันธมิตรฯ กำลังสร้างประวัติศาสตร์
ขณะเดียวกันประวัติศาสตร์ก็กำลังสร้างชาวพันธมิตรฯ
ก็จะได้คำตอบถึงที่มาของความกล้าของชาวพันธมิตรฯ

193 วันของการต่อสู้
ทำให้ประเทศไทยหลุดพ้นจากกรงเล็บของระบอบทักษิณ แม้ปัจจุบัน
อำนาจบริหารประเทศจะยังตกอยู่ในมือของกลุ่มอำนาจการเมืองเก่า
นักการเมืองน้ำเน่ายังคงจ้องหาโอกาสกอบโกยโกงกิน
แต่ความร้ายกาจก็เทียบกับกลุ่มการเมืองในระบอบทักษิณไม่ได้
ตรงนี้พิสูจน์ว่า
การต่อสู้ของขบวนการการเมืองภาคประชาชนนำโดยพันธมิตรประชาชนเพื่อ
ประชาธิปไตย ประสบความสำเร็จในการต่อสู้ โค่นล้มระบอบทักษิณ
และจะต้องเดินหน้าสู้ต่อไป เพื่อล้างการเมืองเก่า
สร้างการเมืองใหม่ให้สำเร็จ

นี่คือภารกิจศักดิ์สิทธิ์ร่วมกันของพวกเราชาวพันธมิตรฯ

ในระหว่างการต่อสู้ ชาวพันธมิตรฯ
ภายใต้แบบอย่างการนำของแกนนำชุดปัจจุบัน
ได้หล่อหลอมดวงใจเข้าเป็นหนึ่งเดียว
ทุ่มเทสรรพกำลังที่มีอยู่เข้าไปในกระบวนการเคลื่อนไหวต่อสู้
เกิดสภาวะตกผลึกทางจิตใจว่า คุณสมบัติร่วมกันของชาวพันธมิตรฯ ก็คือ
"เสียสละ ซื่อสัตย์ กล้าหาญ อดทน"

นี่คือจิตใจที่บังเกิดขึ้นในท่ามกลางการเคลื่อนไหวต่อสู้
เปลี่ยนแปลงประเทศไทย สร้างประวัติศาสตร์ชาติไทย

อีกนัยหนึ่ง เป็นสิ่งที่ประวัติศาสตร์สร้างขึ้น
เพราะถ้าชาวพันธมิตรฯ ไม่โถมตัวเข้าสู่กระบวนการเปลี่ยนแปลงการเมือง
เพื่อสร้างการเมืองใหม่ ก็จะไม่เกิดการหลอมรวมของจิตใจเช่นนี้อย่างแน่นอน

สรุปคือ ประวัติศาสตร์ได้สร้างจิตใจร่วมกันให้แก่ชาวพันธมิตรฯ

แน่นอนเหลือเกินว่า เมื่อชาวพันธมิตรฯ
ยิ่งทุ่มเทสรรพกำลังเข้าสู่กระบวนการต่อสู้ล้างการเมืองเก่า-สร้างการเมือง
ใหม่มากขึ้นเรื่อยๆ ชาวพันธมิตรฯ ก็จะยิ่งพัฒนาเปลี่ยนแปลงตนเองมากขึ้น
เกิดความพร้อมยิ่งขึ้นในการปฏิบัติภารกิจทางประวัติศาสตร์อันศักดิ์สิทธิ์
ของการเปลี่ยนแปลงประเทศไทย ที่เริ่มต้นด้วยการโค่นล้มระบอบทักษิณ
ล้างการเมืองเก่า สร้างการเมืองใหม่

ในเรื่อง "ลักษณะ" ของความกล้าที่ชาวพันธมิตรฯ
แสดงออกตั้งแต่ระดับแกนนำจนถึงชาวพันธมิตรฯ
ที่มาจากทั่วทุกสารทิศทุกเพศวัย คือ กล้าอย่างมีปัญญา

ขบวนการการเมืองภาคประชาชนนำโดยพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
เคลื่อนไหวต่อสู้ด้วยการใช้ปัญญาชี้นำมาตั้งแต่เริ่มต้น
ทำให้จิตใจที่เสียสละ กล้าหาญ ซื่อสัตย์ อดทน
มีนัยที่แตกต่างไปจากที่เราพบเห็นอยู่ทั่วไป

ทั้งนี้เพราะการ "จุดเทียนปัญญา - เอาธรรมนำหน้า"
คือเข็มทิศชี้นำการเคลื่อนไหวต่อสู้ของชาวพันธมิตรฯ ตั้งแต่ต้นจนปลาย

ขณะที่ "สันติอหิงสา" และ "อารยะขัดขืน"
คือยุทธศาสตร์หลักในการเคลื่อนไหวต่อสู้ในห้วง 193 วัน

ในห้วงเวลาดังกล่าว ชาวพันธมิตรฯ กล้าที่จะยืนหยัด กล้าที่จะอดทน
กล้าที่จะฟันฝ่า
กล้าที่จะทำทุกสิ่งทุกอย่างที่สอดคล้องกับทิศทางและยุทธศาสตร์ของการต่อสู้
ซึ่งก็คือ กล้า อย่างรู้ว่า สิ่งที่กำลังทำอยู่นั้นถูกต้อง ศักดิ์สิทธิ์
เป็นสิ่งดีสำหรับประเทศชาติและสถาบันฯ
และจะเป็นสิ่งดีสำหรับประชาชนชาวไทยในที่สุด

มันก็คือความกล้าอันยิ่งใหญ่

ด้วยเหตุนี้ ชาวพันธมิตรฯ จึงกล้าที่จะปักหลักอยู่ในทำเนียบฯ
มิไยที่รัฐบาลในเวลานั้นจะใช้ตำรวจและอันธพาลการเมืองข่มขู่คุกคามทุกรูปแบบ
เช่น การตั้งข้อหากบฏกับแกนนำ การยกกำลังเข้าก่อกวน ลอบทำร้าย เป็นต้น
และแม้เมื่อรัฐบาลใช้อาวุธร้ายเข่นฆ่าชาวพันธมิตรฯ เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม
2551 และระดมยิงด้วยระเบิดเอ็ม 79 อย่างต่อเนื่อง
สร้างความสูญเสียแก่ชีวิตมากมาย ชาวพันธมิตรฯ
ก็กล้าที่จะปักหลักสู้ต่อไปโดยไม่แตกแถว
ไม่ใช้อาวุธตอบโต้การกระทำของเจ้าหน้าที่ตำรวจและกลุ่มอันธพาลการเมือง
ทำให้รัฐบาลพ่ายแพ้อย่างสิ้นเชิงในทางการเมือง
ส่งผลให้รัฐบาลนอมินีในระบอบทักษิณล้มครืนเร็วขึ้น

ความกล้าของชาวพันธมิตรฯ จึงเป็นความกล้าที่น่ายกย่องสรรเสริญ
เป็นความกล้าที่ประเทศชาติสามารถฝากอนาคตได้

สิ่งที่ชาวพันธมิตรฯ ต้องเสริมเพิ่มต่อไปคือ "ปัญญารู้ทัน"
เพราะปัญญารู้ทันคือปัจจัยกำหนดให้ความกล้าของชาวพันธมิตรฯ
มีลักษณะก้าวหน้า ทันเหตุการณ์ และถูกต้องยิ่งขึ้น
ทำให้การต่อสู้ของชาวพันธมิตรฯ
ตลอดจนมวลมหาชนชาวไทยที่เคลื่อนตัวเข้ามาอยู่ในแถวของการต่อสู้ล้างการเมือง
เก่า สร้างการเมืองใหม่ ประสบความสำเร็จ ได้รับชัยชนะตลอดไป
ในทุกขั้นตอนของการต่อสู้

ยิ่งชาวพันธมิตรฯ มีปัญญารู้ทัน ก็ยิ่งจะเกิดความกล้าที่ถูกต้อง
กล้าคิด กล้าทำ กล้าล้าง (การเมืองเก่า) กล้าสร้าง (การเมืองใหม่)
กล้าเปลี่ยนแปลงประเทศไทย กล้าสร้างประวัติศาสตร์ชาติไทย

ถึงที่สุดแล้วก็คือ กล้าที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง

เชื่อเหลือเกินว่า ตราบใดที่ชาวพันธมิตรฯ
ยังยืนหยัดในแนวทางการต่อสู้ทางการเมือง ด้วยการจุดเทียนปัญญา
เอาธรรมนำหน้า เป็นเบื้องต้น
(ส่วนยุทธศาสตร์การต่อสู้สามารถปรับเปลี่ยนไปตามสภาวการณ์รูปธรรมในแต่ละ
ขั้นตอน โดยเฉพาะคือ ลักษณะของคู่ต่อสู้ว่าเป็นใคร) ชาวพันธมิตรฯ
จำนวนมากยิ่งขึ้นก็จะยิ่งสามารถแสดงออกถึงความกล้าได้อย่างถูกต้อง
และอย่างเต็มที่

เพราะในหัวใจของชาวพันธมิตรฯ ทุกคน ล้วนเข้าใจแจ่มแจ้งว่า
กำลังต่อสู้เพื่อใคร เพื่อบรรลุเป้าหมายอะไร

โดย นัยดังกล่าว ภารกิจของแกนนำ (ทุกระดับ
ทั้งในส่วนกลางและภูมิภาค) ในการ "จุดเทียนปัญญา"
จึงทรงความสำคัญยิ่งยวดเสมอ ตั้งแต่ต้นจนปลาย

http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9520000079396

ปัญหารุมเร้ารอบด้าน

ประชาธิปไตยมีจุดแข็งและช่องโหว่ของมัน

แต่ผมมีความรู้สึกเหมือน พธม มีอะไรบางอย่างมากดเอาไว้

แล้วผมมองไม่ออกว่าใคร และ ทำไม

จริงๆแล้วมันมีอะไรที่ ลึก กว่าที่คุณเขียนในเวป

ผมมีความรู้สึกอย่างนั้นจริงๆนะ
zzzzzzzzz


กล้าอย่างมีสติ มีปัญญา และกล้าที่จะเปลี่ยนแปลงตนเอง
เพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงสังคม
การต่อสู้ที่เอาชนะจิตใจตนเองได้เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด
193 วัน ที่ผ่านมาได้หล่อหลอมจิตใจให้ได้ความกล้านั้นมา
และนี่แหละที่จะเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญ ที่เรามีทั้งคนที่มีคุณภาพ
และคุณธรรม ที่จะมาสร้างบ้าน แปงเมืองกันต่อไป
ขอบคุณสำหรับบทความดีๆอย่างนี้
คนไท ใจกล้า

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น