++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันศุกร์ที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

ข้อหาการก่อการร้าย

โดย ว.ร. ฤทธาคนี 16 กรกฎาคม 2552 16:11 น.
ประเด็นการเมืองที่ร้อนแรงในขณะนี้คงไม่เกินเรื่องความพยายามของฝ่ายระบอบ
ทักษิณที่มี นปช.เป็นอาวุธทางการเมืองของทักษิณที่กดดันรัฐบาลนายอภิสิทธิ์
เวชชาชีวะ ให้ปลดนายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
ออกจากตำแหน่ง หรือกดดันโดยตรงให้นายกษิตลาออก
เพราะถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรราชาเทวะ
ออกหมายเรียกคดีระหว่างบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) กับนายกษิต
ภิรมย์ ซึ่งเป็นหนึ่งในแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
และพวกรวม 25 คน ที่บุกรุกสนามบินสุวรรณภูมิ
โดยมีการตั้งข้อหาร่วมกันกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือ
หรือวิธีใด อันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญฯ
มั่วสุมกันตั้งแต่สิบคนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้าย
ขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย
หรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดการวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง

เมื่อเจ้าพนักงานสั่งให้เลิกการมั่วสุมแล้วไม่เลิก ก่อการร้าย
บุกรุก ทำให้ทรัพย์สินเสียหาย ซึ่งเหตุเกิดระหว่างวันที่ 25 พฤศจิกายน
2551 ถึงวันที่ 3 ธันวาคม 2551 จึงเป็นการฝ่าฝืนข้อกำหนดออกตามมาตรา 9
แห่ง พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ฉบับที่ 1
ลงวันที่ 29 พฤศจิกายน 2551 และฉบับที่ 2 ลงวันที่ 1 ธันวาคม 2507

ก่อนที่จะลงความเห็นใดๆ
จำเป็นต้องพิจารณาจากข้อกล่าวหาของเจ้าพนักงานตำรวจเสียก่อนว่า
สร้างความยุติธรรมหรือไม่
และสรุปว่าความร้ายแรงของข้อหานี้อยู่ตรงประเด็นใด ซึ่งก็ปรากฏแน่ชัดว่า
การบุกกรุกสนามบินท่าอากาศยานฯ เป็นการก่อการร้าย
ซึ่งเป็นกิจกรรมขั้นรุนแรงในการประท้วงรัฐบาลอดีตพรรคพลังประชาชนที่ต้องการ
แก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 มาตรา 237 และ 309
อันเป็นวาระซ่อนเร้นเพื่อที่จะช่วยเหลือทักษิณให้พ้นจากคดีทุจริตคอร์รัปชัน
การใช้อำนาจหน้าที่ในทางที่ผิดและส่งเสริมให้ทักษิณกลับเข้ามามีอำนาจรัฐอีก

รวมทั้งยังสามารถถ่ายโทษอดีตผู้บริหาร
อดีตพรรคไทยรักไทยที่ใช้เล่ห์เหลี่ยมเงิน และอำนาจรัฐกระทำความผิด
พ.ร.บ.เลือกตั้งมิให้พรรคเล็กเป็นเครื่องมือทางการเมืองเพื่อเอาชนะการเลือก
ตั้ง จนศาลรัฐธรรมนูญ ผู้บริหาร อดีตพรรคไทยรักไทยที่ใช้เล่ห์เหลี่ยมเงิน
และอำนาจรัฐ กระทำความผิด
พ.ร.บ.เลือกตั้งให้พรรคเล็กเป็นเครื่องมือทางการเมือง
เพื่อเอาชนะการเลือกตั้ง จนศาลรัฐธรรมนูญพิพากษาให้ยุบพรรคไทยรักไทย
และห้ามมิให้กรรมการบริหารพรรคยุ่งเกี่ยวกับการเมืองเป็นเวลา 5 ปี

การประท้วงของกลุ่ม พธม. นั้น
เริ่มมาจากชุมนุมขับไล่ทักษิณออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่กลางปี
2547 ด้วยสาเหตุหลักๆ คือ การทุจริตคดโกงชาติ ใช้อำนาจหน้าที่ในทางที่ผิด
ใช้สภาผู้แทนราษฎรเป็นเครื่องมือในการออกกฎหมายเอื้อประโยชน์ให้กับตัวเอง
ครอบครัว และพรรคพวก และประการสุดท้ายที่สำคัญยิ่ง
ไม่แสดงความจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ทั้งที่เป็นการให้สัมภาษณ์กระทบ เช่น สำนวน
"ผู้มีบารมีอยู่เหนือรัฐธรรมนูญ แทรกแซงการเมือง"

และการที่ออกกฎหมาย พ.ร.บ.ครูขัดต่อนโยบายการพัฒนาการศึกษา
ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไม่ทรงลงพระปรมาภิไธยใน พ.ร.บ.ครู
ตลอดจนการแสดงอาการที่ไม่เคารพยำเกรงในพระราชอำนาจจนนายประมวล รุจนเสรี
อดีตรองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย อดีตที่ปรึกษาทักษิณ
ทนไม่ไหวต้องเขียนหนังสือเตือนสติคนกลุ่มหนึ่งเรื่องพระราชอำนาจ
ซึ่งหนังสือนี้ในหลวงทรงมีพระราชดำรัสว่า "เราอ่านแล้ว เราชอบมาก
เขียนได้ดี เขียนได้ถูกต้อง" นอกจากหนังสือเล่มนี้แล้ว นายประมวล
ยังเขียนหนังสือเตือนใจทักษิณและพวก
เรื่องการใช้อำนาจเป็นธรรมชาติของมนุษย์

อนุสนธิการประท้วงต่อต้านระบอบทักษิณขยายวงกว้างและเข้มข้นขึ้น
ทั้งเนื้อหาและข้อมูลที่มีผู้นำมาแสดงเปิดแฟ้มในที่ชุมนุมสาธารณะนับเป็น
ร้อยๆ เรื่อง มีนักวิชาการ นักการเมือง และผู้สื่อข่าว
รวมทั้งผู้อาวุโสของสังคมต่างออกมาร่วมกับกลุ่มประชาชนเพื่อชาติและราช
บัลลังก์ ซึ่งต่อมาเรียกตัวเองว่า กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
(พธม.) ที่มีการจัดตั้งอย่างเป็นระบบ มีแนวคิดอุดมการณ์ที่ชัดเจน
และมีข้อมูลที่น่าเชื่อถือได้

ฝ่ายระบอบทักษิณก็ต่อต้านด้วยอำนาจรัฐและวิธีทางใต้ดิน กดดัน
แกล้งแกนนำ พธม.มิให้ได้โอกาสในการใช้สื่อหรือสถานที่ในการแสดงความคิดเห็นทางการเมือง
ประท้วงต่อต้านทักษิณ แม้กระทั่งเกิดการจัดตั้งม็อบต่อต้าน
พธม.เป็นสงครามการเมืองในไทย
ซึ่งทวีความเข้มข้นจนเกิดความหวาดหวั่นว่าอาจจะเกิดการปะทะกันระหว่าง 21
กลุ่มการเมืองที่ต่อต้านทักษิณและสนับสนุนทักษิณ
ทำให้กองทัพทำการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ขณะที่ทักษิณไปต่างประเทศ

ด้วยเหตุนี้เอง ทักษิณจึงระดมวิธีการต่างๆ ออกมาต่อต้านกลุ่ม
พธม.และรัฐบาลชั่วคราวด้วยเงินจำนวนมหาศาล
สร้างพรรคการเมืองขึ้นเพื่อซื้ออำนาจรัฐสำหรับการแก้กฎหมายรัฐธรรมนูญฉบับ
2550 ซึ่งพัฒนามาจากฉบับ 2540 อันเป็นยูโทเปียมากเกินไป ดีเกินไป
สำหรับนักการเมืองคดโกง
จึงต้องมีบทแทรกป้องกันและลงโทษการโกงการเลือกตั้งอันนำสู่การยุบพรรคพลัง
ประชาชน อันเป็นฐานที่มั่นสำคัญของทักษิณ และปัจจุบันก็คือพรรคเพื่อไทย

สาเหตุการยุบพรรค คือ โกงการเลือกตั้งอย่างหน้าด้านๆ
ของนายยงยุทธ ติยะไพรัช จนได้ใบแดงและถูกตัดสินว่าโกงจริง
จนทำให้นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ต้องออกจากนายกรัฐมนตรีโดยปริยาย
นายสมชายได้ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแทนนายสมัคร สุนทรเวช
หัวหน้าพรรคพลังประชาชน ตามอำนาจลึกลับของทักษิณ
เพราะกระทำการผิดกฎหมายเกี่ยวกับผลประโยชน์ทับซ้อน

ทั้งสองคนได้รับมอบหมายให้แก้รัฐธรรมนูญเป็นภารกิจหลักที่จะต้องทำ
ดังนั้น พธม.จึงรวมตัวกันอีกหลังจาก 19 กันยายน 2549
ต่อต้านตั้งแต่ความเข้มข้นน้อยจนความเข้มข้นสูงสุดที่การขัดขวางรัฐบาลมิให้
บริหารแผ่นดินเพื่อประโยชน์ของทักษิณ ตัวเอง และพรรคพวก
จนถึงขั้นปิดทำเนียบฯ และบุกรุกปิดสนามบินสุวรรณภูมิในเขตพื้นที่สาธารณะ
มิใช่เขียนปฏิบัติการบินตามที่เข้าใจกันจึงถูกล่าวหาว่าเป็นผู้ก่อการร้าย

ข้อพิจารณาสำคัญ คือ การตีความนิยามศัพท์ "ผู้ก่อการร้าย"
ซึ่งสาธารณชนต้องยอมรับว่า
คำคำนี้มีการโต้เถียงอย่างกว้างขวางและมีนิยามศัพท์ที่หลากหลายมาก
โดยไม่มีความหมายใดที่ได้รับการยอมรับโดยสมบูรณ์ วอล์เตอร์ ลาควอร์ แห่ง
Center for Strategic and International Studies ได้กล่าวว่าไว้ว่า
"ลักษณะเฉพาะที่ยอมรับกันทั่วไปคือการก่อการร้ายนั้น
เกี่ยวข้องกับความรุนแรง หรือการข่มขู่ด้วยความรุนแรง"
และมีนิยามศัพท์มากมายในแต่ละสถาบันของชาติต่างๆ เช่น
ศูนย์ศึกษาการก่อการร้าย โรงเรียนเสนาธิการทหารบก นำเสนอทั้งหมด 9
นิยามศัพท์

ในประเทศกรณีความไม่สงบในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ไม่เรียกว่าเป็นการ
ก่อการร้าย ทั้งๆ ที่เป็นการก่อการร้ายอย่างชัดเจน
แต่ต้องการตั้งกรอบให้เป็นเพียงการก่อความไม่สงบเท่านั้น จึงเห็นว่า
แนวคิดทางการเมืองมีอิทธิพลในการให้นิยามศัพท์

ดังนั้น นายกษิต ภิรมย์ อดีตเอกอัครราชทูตไทยในหลายประเทศ
โดยเฉพาะเคยอยู่ที่วอชิงตัน สหรัฐอเมริกา
ที่ซึ่งกำลังทำสงครามก่อการร้ายทั้งในประเทศและนอกประเทศย่อมรู้ดีว่า
นิยามศัพท์ของการก่อการร้ายมีความลึกซึ้งเพียงไร
และพฤติกรรมที่แท้จริงเป็นอย่างไร
และการกระทำต่อต้านประท้วงรัฐบาลด้วยหลักอารยะขัดขืนหรือ Civil
Disobedience คืออะไร มีวัตถุประสงค์อะไร

แต่ประเด็นสำคัญในเนื้อหาว่าด้วยการก่อการร้ายที่ชัดเจนสอดคล้องกับนิยาม
ศัพท์หลายๆ นิยามศัพท์อันเกี่ยวข้องกับกลุ่ม
นปช.คนเสื้อแดงที่ก่อการอุกอาจทำร้ายคนของรัฐ เจ้าหน้าที่
รปภ.ของนายกรัฐมนตรี ทำร้ายและทำลายรถยนต์ของเลขานุการนายกรัฐมนตรี
มุ่งร้ายที่จะจับกุมนายกรัฐมนตรีหลายครั้ง จับและนำ
รปภ.นายกรัฐมนตรีประจาน ณ ที่สาธารณะ ข่มขู่ครอบครัวนายกรัฐมนตรี ณ
ที่พักส่วนตัว และที่เป็นการประจานพร้อมทั้งสร้างความหวาดกลัวให้กับผู้นำกลุ่มประเทศอา
เซียน ตลอดจนแสดงความกักขฬะหยาบคาย รุนแรง
และทำลายทรัพย์สินของเอกชนต่อหน้าสื่อต่างประเทศ
ทั้งหมดนี้ถูกประมวลไว้ตั้งแต่ห้วงสงกรานต์เดือดเลือดพล่าน 11-14 เมษายน
2552

และยิ่งพูดถึงการยึดรถโดยสารใช้ที่พักอาศัยของแฟลตการเคหะดินแดงเป็นตัวประกัน
การเผารถของสาธารณะ การยิงคนตาย

ทำไม ตำรวจไม่ตั้งข้อหาการก่อการร้าย
ไม่มีการพูดถึงว่าเป็นพฤติกรรมการก่อการร้าย
ไม่มีการจับกุมฐานะผู้ต้องหาการก่อการร้าย
นักยุทธศาสตร์การก่อการร้ายคงไม่ปฏิเสธว่า
พฤติกรรมคนเสื้อแดงนั้นเป็นการก่อการร้ายมากมายกว่า
พธม.ยึดสนามบินสุวรรณภูมิ หากไม่เชื่อก็ศึกษาดูได้ในเว็บ Online เรื่อง
"การก่อการร้าย" สาธารณชนจะได้ข้อยุติว่า
"พฤติกรรรมเสื้อแดงเป็นการก่อการร้าย"

http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9520000080513

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น