++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันพฤหัสบดีที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

ขอบคุณคนเสื้อแดง

ขอบคุณคนเสื้อแดง
โดย สำราญ รอดเพชร

บทความชื่อแสนเชย (เชียงรายรำลึก) ของผมในคอลัมน์ "หน้ากระดานเรียงห้า"
เมื่อสัปดาห์ก่อน
ผมได้แทรกการวิเคราะห์เรื่องการล่ารายชื่อถวายฎีกาเพื่อขอพระทานอภัยโทษให้
น.ช.ทักษิณ ชินวัตร ไว้ตอนหนึ่งว่า ...

.."เสื้อแดงยังแรงฤทธิ์

.- 27 มิ.ย.เริ่มสงครามรอบสอง
ล่ารายชื่อถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษทั้งๆ ที่ไม่ถูกต้อง
กดดันสถาบันอย่างไม่บังควร
เป้าหมายล่ารายชื่อเพื่อจะให้เป็นของขวัญวันเกิดแม้ว 26
ก.ค./เป้าหมายพรรคเพื่อไทยจริงๆ ต้องการกดดันให้รัฐบาลยุบสภา..."

เพื่อนฝูงบางคนและผู้ใหญ่บางท่านโทรศัพท์มาต่อว่าผมเล็กๆ น้อยๆ
ประมาณว่า ไปให้ราคาค่างวด ให้ความสำคัญกับ "สาวกแม้ว"
หรือคนเสื้อแดงจนเกินเหตุ
เพราะพวกเขาไม่มีทางล่ารายชื่อได้ครบล้านในหนึ่งเดือน
หรือแม้จะครบแต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น..

ผมได้ชี้แจงสวนกลับทั้งเพื่อนและผู้ใหญ่ในฐานะคนคุ้นเคยไปว่า...ประเมินสถานการณ์คนเสื้อแดงต่ำเกินไป

- ผมยังเชื่อว่าถ้าสถานการณ์ทุกฝ่ายยังเป็นอย่างวันนี้
ล่ารายชื่อได้ครบและเกินล้านแน่ โดยอาศัยการบริหารจัดการทางการเมือง ใช้
ส.ส.และการรณรงค์ทั่วไป ส.ส.200 คน หามาคนละ 1,000 ชื่อ ก็ 2 ล้านแล้ว
ยังไม่นับที่พวกเขารณรงค์เอาหนังสือถวายฎีกาแจกเป็นใบปลิวตามห้างสรรพสินค้า
ย่านชุมชน เสียบไว้ที่ปัดน้ำฝนรถยนต์ ฯลฯ

- หากพวกเขาสามารถถวายฎีกาได้ในวันไหน
อย่าได้มองว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น
นั่นหมายถึงความพ่ายแพ้ของรัฐบาลและแนวรบของผู้รักเทิดทูนสถาบันทีเดียว
เจียวล่ะ...!!??

เมื่อได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันแล้ว
ทั้งเพื่อนฝูงและผู้ใหญ่ที่ว่าก็เริ่มเห็นคล้อยกับผม
แต่ก็ไม่วายยังยืนยันว่าอย่าไปให้ความสำคัญกับคนเหล่านั้น
ผมก็รับฟังแต่ก็ไม่วาย (เหมือนกัน) ที่จะบอกว่า
ในส่วนลึกแล้วเบื่อและเซ็งมากๆ ที่จะพูดถึงพวกวรนุช..เอ๊ย
พวกเสื้อแดงเหล่านี้ แต่ลองปล่อยให้พวกเขาพูดและเคลื่อนไหว
ยึดพื้นที่สื่ออยู่ฝ่ายเดียวล่ะก็...พ่อแม่พี่น้องเอ๊ย ดูไม่จืด
เละเป็นโจ๊กแน่...

ใครที่จะเละเป็นโจ๊กบ้างก็ช่วยนำไปคิดกันต่อก็แล้วกัน...!!??

ครับ ผมยังยืนยันนั่งยันว่ายุทธการล่ารายชื่อถวายฎีกาหนนี้
เป็นเกมที่เหี้ยมโหดและใจร้ายของแนวรบคนเสื้อแดงภายใต้การบงการของคนที่เป็น
ถึงอดีตนายกรัฐมนตรี...

พวกเขารู้ดีว่าหนทางการนิรโทษกรรมให้ "ทักษิณ" พ้นโทษจำคุก 2
ปีจากคดีซื้อขายที่ดินรัชดาภิเษกเป็นไปไม่ได้เพราะต้องออกเป็นกฎหมาย
พวกเขารู้ดีว่าการขอพระราชทานอภัยโทษก็ทำไม่ได้เพราะ "ทักษิณ"
ยังไม่มารับโทษ พวกเขาจึงเลือกใช้เป็นวิธีการถวายฎีการ้องทุกข์...

แต่ก็ไม่วายที่จะยัดเยียดข้อความ "ขอพระราชทานอภัยโทษ" เอาไว้ด้วย

พวกเขาย่อมรู้ดีว่า ถ้าสามารถยื่นทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาได้
มันเท่ากับการวางระเบิดเวลาลูกใหญ่ใส่สถาบันพระมหากษัตริย์
ซึ่งไม่ว่าพระองค์ท่านหรือผู้เกี่ยวข้องจะมีความคิดเห็นไปในทางไหน
ผลลัพธ์ก็ล้วนแต่เป็นผลลบ...

เห็นไหมล่ะว่า "พระเจ้ามูลแม้ว" ของคนเสื้อแดงเหี้ยมโหดและเลวร้ายขนาดไหน??

จะอย่างไรก็ตาม ดังชื่อบทความของผมฉบับนี้
ในความเหี้ยมโหดเลวร้ายรอบนี้ผมต้องขอบคุณคนเสื้อแดงที่ในมุมกลับทำให้ผมมอง
เห็นถึงขีดความสามารถ จิตใจและตัวตนของคนไทยจำนวนมาก
โดยเฉพาะคนไทยที่อยู่ในเครื่องแบบนักการเมือง ตำรวจ ทหาร ข้าราชบริพาร

ความรู้สึกหลายอย่าง คำถามหลายประการผุดขึ้นในความนึกคิดของผมมาหลายวันแล้ว

1) รัฐบาลภายใต้การนำของนายกฯ
ที่ประกาศในวันรับสนองพระบรมราชโองการว่า
จะปกป้องสถาบันด้วยชีวิตจิตใจ...วันนี้พวกท่านทำอะไรกันบ้างในกรณีนี้

ที่เข้าตาอยู่บ้างก็เห็นจะเป็น ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ
กทม.ที่หาญกล้าประกาศไม่อนุญาตให้คนเสื้อแดงใช้พื้นที่ท้องสนามหลวงจัดงาน
แซยิดให้น.ช.ทักษิณ ชินวัตร ในวันที่ 26 ก.ค.52

2) กองทัพไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกองทัพบกที่ ผบ.ทบ.เคยเป็น ผบ.ร.21
รอ.หรือทหารเสือราชินีและเติบโตมาในเส้นทาง "บูรพาพยัคฆ์"
มีความคิดอ่านในเรื่องนี้อย่างไร..ผมยังไม่เห็น ไม่ได้ยิน..

3) กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.)
ที่มีงบประมาณในมืออู้ฟู่กว่ายุคก่อนๆ
นอกจากออกแคมเปญเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงแล้ว
เรื่องนี้พวกท่านจะทำอะไรกันบ้างหรือไม่?

4) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.)
ใช่ไหมว่า..หัวขบวนเอาแต่จะสร้างผลงานการแต่งตั้งโยกย้ายภายใต้โครงสร้าง
ใหม่ทิ้งทวนให้เป็นผลงานชิ้นโบแดง ก่อนเกษียณ
ปล่อยให้พวกหางแดงกระทำปู้ยี่ปู้ยำสถาบันกันต่อหน้าต่อตาประชาชน
ในขณะที่เก่งกาจสามารถเอามากๆ ในการออกหมายเรียกตั้งข้อหาก่อการร้าย
โทษประหารชีวิตให้กับผู้ชุมนุมทางการเมืองที่สนามบินสุวรรณภูมิ

5) แนวรบด้านรัฐสภา มีเพียงคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ
บางคณะของวุฒิสภาที่ออกมาขับเคลื่อน พูดถึงเรื่องนี้ด้วยความห่วงใย
ขณะที่สมาชิกรัฐสภาส่วนใหญ่ทำราวกับว่าเมื่อปิดสมัยประชุมบรรดาผู้ทรง
เกียรติก็ต้องปิดหูปิดตาและปิดปากที่จะพูดถึงความ "ผิดปกติ"
ที่กำลังเกิดขึ้นในบ้านเมืองไปด้วย

6) สื่อของรัฐ
รัฐมนตรีที่กำกับดูแลในเชิงนโยบายยังไม่หาญกล้าพอที่จะส่งสัญญาณไปยังผู้รับ
ผิดชอบให้ตระหนักและให้ความสำคัญอย่างมีจุดยืนในเรื่องนี้
จึงไม่แปลกที่ทีวีของรัฐบาลบางช่องเสนอข่าวลูกๆ ของอดีตนายกฯ
แจกทุนจากขายหนังสือได้
แต่กลับไม่มีข่าวกลุ่มสยามสามัคคีที่รักบ้านรักเมืองรักสถาบันแถลงข่าว
เรื่องการทูลเกล้าฯ ถวายฎีกา

นี่ยังไม่นับการปล่อยให้วิทยุชุมชน
โดยเฉพาะในต่างจังหวัดปลุกระดมการล่ารายชื่อกันอย่างฮึกเหิม
ไม่เกรงหน้าอินทร์หน้าพรหม

7) มีนักการเมือง และบุคคลที่รักบ้านรักเมือง
เทิดทูนสถาบันบางส่วน พยายามเสนอให้พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
ได้ออกมาเคลื่อนไหวหรือทำอะไรบ้างในสถานการณ์แบบนี้...โดยที่พวกเขาไม่รู้
หรอกว่าบรรดาพันธมิตรฯ โดยเฉพาะแกนนำแม้ลึกๆ ใจจะยังเกินร้อย
แต่ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลและโซ่ตรวนที่อำนาจรัฐหยิบยื่นให้จนแทบกระดิก
กระเดี้ยไม่ได้

จะ ว่าไปที่ผ่านมาพันธมิตรฯ ก็เหมือนมือที่กำคมมีด
ยามใดที่ผู้มีอำนาจกระตุกด้ามมีดเลือดก็ไหลโกรกทุกทีไป พันธมิตรฯ
ไม่น้อยจึงไม่ยอมที่จะกำคมมีดอีกต่อไป

8) ...ฯลฯ...

...................................

นั่นเป็นเพียงตัวอย่างส่วนหนึ่งที่กรุ่นอยู่ในความรู้สึกนึกคิดของผม
ผมซึ่งก็เหมือนกับผู้คนอีกมากมายที่อยากเห็นสังคมสมานฉันท์ข้ามพ้นเรื่องสี
เสื้อ การแบ่งเป็นฝักฝ่ายกันอย่างไร้เหตุผลในบางเรื่อง

แต่ถึงอย่างไร ผมก็ไม่เห็นด้วยหากเราจะข้ามพ้นเรื่องการทูลเกล้าฯ
ถวายฎีกาที่ท้าทายและกดดันต่อสถาบันด้วยการเมินเฉย ปิดหูปิดตา
ปล่อยให้พระองค์ท่านหรือสถาบันต้องถอดสลักระเบิดโดยลำพัง

เราต้องช่วยกัน โดยเฉพาะรัฐบาลท่านต้องไม่นิ่งดูดาย!!


samr_rod@hotmail.com

http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9520000076744

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น