++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันเสาร์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

"เสื้อกาวน์" มากกว่าชุดปฎิบัติงาน ความภูมิใจของ(ว่าที่)หมอฟันรั้วรังสิต

ในสายทางการแพทย์ "เสื้อกาวน์"
อาจไม่ใช่เพียงเสื้อคลุมเวลาปฎิบัติหน้าที่
แต่ทว่ามีความหมายที่ลึกซึ้งมากกว่านั้น เพราะถือเป็นเกียรติศักดิ์ศรี
ที่แฝงไว้ด้วยความรับผิดชอบอันใหญ่หลวงต่อผู้อื่นและสังคมส่วนรวมอันเป็น
บทบาทที่ยิ่งใหญ่มากต่อประเทศ

ปัจจุบันประเทศไทยขาดแคลนทันตแพทย์มาก เช่น
ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีประชากร 40,000 คนต่อทันตแพทย์ 1 คนเท่านั้น
นี่เป็นเครื่องชี้ให้เห็นถึงสภาพสังคมไทยได้เป็นอย่างดีด้านสุขภาพอนามัยใน
ช่องปาก ฉะนั้นการให้ความสำคัญต่อความเป็นวิชาชีพทันตแพทย์ด้านจรรยาบรรณ
จึงมีส่วนสำคัญต่อสัดส่วนที่อยุ่น้อยในสังคมและนั่นจึงเป็นที่มาของการจัด
ให้มีพิธีมอบเสื้อกาวน์เพื่อเป็นเกียรติยศให้แก่ นศ.ทันตแพทยศาสตร์
รุ่นแรก มหาวิทยารังสิต สู่การฝึกปฏิบัติงานในคลินิก

ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยรังสิต
กล่าวภายหลังเป็นประธานให้โอวาทในพิธีมอบเสื้อกาวน์แก่นักศึกษาทันตแพทย
ศาสตร์ชั้นปีที่ 5
ว่ามหาวิทยาลัยรังสิตในฐานะที่เป็นสถานศึกษาได้เห็นความสำคัญของทันตแพทย์
จึงต่อสู้เพื่อจัดตั้งคณะทันตแพทยศาสตร์มาเป็นเวลาหลายปี
เพื่อส่งเสริมคุณภาพของประชาชน สังคม เศรษฐกิจ และประเทศชาติ
จนปัจจุบันเราเปิดการเรียนการสอนทันตแพทยศาสตร์มาเป็นเวลา 5 ปี
และปีนี้เราได้บ่มเพาะและผลิตนักศึกษาทันตแพทยศาสตร์ที่มีความรู้ความสามารถ
มีจริยธรรม พร้อมก้าวสู่การฝึกปฏิบัติในภาคคลินิกเป็นรุ่นแรก
จึงถือเป็นความภูมิใจของคณะฯ และมหาวิทยาลัยเป็นอย่างยิ่ง
และหวังว่านักศึกษาทันตแพทยศาสตร์ทุกคนจะปฏิปัติหน้าที่อย่างเต็มความสามารถ
ต่อไป

ด้านนักศึกษาทันตแพทย์ "นายพัชร วิเศษศิริ"
นักศึกษาทันตแพทยศาสตร์ชั้นปีที่ 5 กล่าวว่า
ตนรู้สึกภูมิใจที่ได้รับมอบเสื้อกาวน์จากอธิการบดีและคณาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิ
จากคณะทันตแพทยศาสตร์ พิธีมอบเสื้อกาวน์ในวันนี้ศักดิ์สิทธิ์มาก
เพราะเสื้อกาวน์เปรียบสเมือนเกียรติศักดิ์ศรีในวิชาชีพทันตแพทย์
นักศึกษาทันตแพทย์จะเรียนภาคทฤษฎีในชั้นปีที่ 1-4 เป็นเวลา 4 ปี
เมื่อขึ้นชั้นปีที่ 5-6 จะได้เรียนภาคคลินิกเป็นเวลา 2 ปี
โดยได้ทำการรักษาผู้ป่วยจริง
ถือเป็นเวลาที่นักศึกษาทันตแพทย์รอคอยกันทุกคนเพื่อเป็นการพิสูจน์ถึงความ
สำเร็จตลอดระยะ 4 ปีที่ได้เรียนมา
โดยส่วนตัวคิดว่าภาคทฤษฎีจะต่างจากภาคคลินิกมาก อันดับแรกคือ
เราจะรู้สึกว่าได้เป็นทันตแพทย์อย่างเต็มตัว
และต่อไปคือการนำความรู้และทักษะที่เรียนมาใช้ในการรักษาคนไข้จริง
นั่นถือว่าเป็นสิ่งสำคัญที่ยากที่สุด แต่ก็ท้าทายความสามารถ อย่างไรก็ตาม
การเป็นทันตแพทย์ที่ดี ต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ของคนไข้มาเป็นอันดับแรก
โดยต้องทุ่มเทความรู้ความสามารถ และศึกษาความรู้ให้แน่นและแม่นยำ
มีความพร้อมในการรักษาคนไข้ตลอดเวลา
เพื่อให้คนไข้ทุกคนที่ได้รับการรักษาจากเราได้รับการรักษาที่ถูกต้องและดี
ที่สุดและยังต้องมีจริยธรรมและจรรยาบรรณที่ดีอีกด้วย

"ใน ฐานะที่เป็นนักศึกษาทันตแพทยศาสตร์รุ่นแรกได้บุกเบิกและสร้างประเพณี
หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการรับน้อง การเข้าร่วมกิจกรรมกับโครงการภายนอก
การเรียนการสอน และหลักสูตรฯ
เนื่องจากบางทีการเรียนกับอาจารย์พิเศษจะเกิดปัญหาในเรื่องตารางเวลาเรียน
ทำให้ต้องเรียน 7 วันต่อสัปดาห์ ซึ่งถือว่าเรียนหนักมาก
เพราะต้องมีการทำแล๊บต่อทุกเย็น
และในบางครั้งมีเปลี่ยนเวลาเรียนกระทันหัน
แต่สิ่งเหล่านี้ไม่เป็นอุปสรรคต่อการเรียน
แต่ยังสอนให้เรารู้จักรับมือกับสิ่งใหม่ๆ และแก้ไขปัญหาให้เป็น
ซึ่งทักษะเหล่านี้สามารถนำไปปรับใช้กับการเป็นหมอฟันได้
เพราะทำให้เราเป็นคนใจเย็น และมีสติอยู่ตลอดเวลา
สำหรับแนวทางในอนาคตวางแผนไว้ว่าอยากจะทำงานรักษาคนไข้ก่อน
เพื่อหาประสบการณ์ และค้นหาตัวตนว่าชอบการรรักษาในด้านไหน
ซึ่งตอนนี้ส่วนตัวชอบการรักษารากฟัน"

ส่วน นางสาวชลธร อารีสินพิทักษ์ นักศึกษาทันตแพทยศาสตร์ชั้นปีที่
5 คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวว่า ความพากเพียรในการเรียน
การเรียนอย่างหนักมาสี่ปีก็เพื่อจะได้รักษาคนไข้จริงๆโดยการฝึกปฏิบัติใน
ชั้นปีที่ 5 นั้น เราใช้คลินิกของคณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัย
เนื่องจากทางคณะฯ เปิดคลินิกทันตกรรมแบบครบวงจรให้บริการแก่นักศึกษา
อาจารย์ เจ้าหน้าที่ ม.รังสิต ตลอดจนบุคคลทั่วไป มีโอกาสได้เจอเคสต่างๆ
และในการฝึกปฏิบัติ อาจารย์จะจัดกลุ่มและตารางสอนให้ไม่เหมือนกัน
โดยจะแบ่งเป็นกลุ่มในแต่ละวิชา เราต้องเก็บเคสการรักษาไปเรื่อยๆ
ซึ่งแล๊บที่นี่มีความพร้อมและดีที่สุด จึงมีความมั่นใจที่จะรักษาคนไข้
แต่เหนือสิ่งอื่นใด การนำความรู้และทักษะไปใช้จริงกับคนไข้
ถือเป็นความท้าทายและเป็นสิ่งที่นักศึกษาทุกคนต้องเตรียมพร้อมและมั่นใจกับ
ความรู้ความสามารถที่ได้เรียนมา

"ด้วย ความเป็นนักศึกษารุ่นแรกจึงสร้างกิจกรรมและประเพณีของคณะเอง
โดยแต่งเพลงบูม เพลงเชียร์ หาคนมาสอนเชียร์ ฯลฯ
พอมีรุ่นน้องเราจึงเข้าร่วมกิจกรรมรับน้องของมหาวิทยาลัย
และในอนาคตวางแผนไว้ว่าจะทำงานก่อน 1-2 ปี
เพื่อเก็บประสบการณ์และหาความถนัดของตนเอง
เวลาที่คุยกับคนไข้จะได้คุยรู้เรื่องปรับตัวได้ง่ายขึ้น
ในตอนนี้ส่วนตัวชอบการจัดฟันและทันตกรรมประดิษฐ์เช่น ฟันปลอม ฟันถอดได้
สำหรับการเป็นหมอฟันที่ดีนั้น ต้องพูดความจริง พูดจาดีๆ
ถ้าเจอคนไข้ที่หัวเสีย หรือไม่พอใจกับบริการ เราก็ต้องน้อมรับ
และที่สำคัญต้องเป็นหมอฟันที่มีจริยธรรม จรรยาบรรณ
เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่คนไข้
คนไข้จะมีความสุขในการรับการรักษาจากเรา"....

http://www.manager.co.th/Campus/ViewNews.aspx?NewsID=9520000077870

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น