++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันศุกร์ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

9 คำถามที่จะทำให้ชีวิตการงานของคุณดีขึ้น :::

9 คำถามที่จะทำให้ชีวิตการงานของคุณดีขึ้น :::

9 ข้อต่อจากนี้ คือ สิ่งที่คุณควร (กล้า)
ถามหัวหน้างานเพื่อให้โอกาสในการทำงานของคุณเปิดกว้างและขับเคลื่อนไปได้โดย
สะดวก แต่แนะนำว่าอย่าถามคำถามทั้ง 9 ข้อในเวลาเดียวกัน
(เพราะเจ้านายอาจไม่มีเวลาตอบได้หมด)

1. เจ้านายวัดความสำเร็จของการทำงานจากอะไรและอย่างไร
บ่อย ครั้งที่พนักงานหรือลูกน้องหลงลืมไปว่า
ผลงานของตัวเองจะถูกประเมินหรือวัดความสำเร็จจากอะไร
ทางที่ดีควรเตือนตัวเองเป็นระยะ รวมถึงไม่รีรอที่จะถามเจ้านาย
เพื่อคุณจะได้จัดลำดับความสำคัญของงานแต่ละชิ้น
ตลอดจนเลือกวิธีการทำงานให้บรรลุเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุดที่จะ
ทำต่อไปได้อย่างถูกต้อง

2. ถ้าอยากจะก้าวหน้าในหน้าที่การงาน คุณต้องพัฒนาขอบข่ายงานส่วนไหนบ้าง
เพราะ คงปฎิเสธไม่ได้ว่าเจ้านายหรือหัวหน้างานเป็นผู้กำอนาคตส่วนหนึ่งของคุณอยู่
คุณควรทำความเข้าใจกับเจ้านายให้ชัดเจนว่าเป้าหมายที่เจ้านายคาดหวัง
ขณะเดียวกันถ้าคุณมีเป้าหมายของตนเองก็ควรนำมาปรึกษาคุณคืออะไร
เจ้านายคงพอจะให้คำตอบแก่คุณได้ว่าขอบข่ายการทำงานในส่วนใดบ้าง
ที่จะทำให้คุณไปถึงฝั่งฝัน

3. เจ้านายพอใจหรือต้องการให้คุณแก้ไขการทำงานอย่างไรบ้าง
อย่า กังวลกับจุดด้อยของตัวเองจนเกินไป
หันมามองจุดแข็งที่คุณมีแล้วพยายามทำให้เป็นจุดเด่น
จนกลบข้อด้อยไปเลยก็ยิ่งดี
บางทีเจ้านายอาจมีมุมมองและความคิดเห็นที่แตกต่างจากคุณก็ได้
อีกอย่างคำถามข้อนี้ยังเป็นโอกาสดีที่จะแสดงให้เจ้านายของคุณเห็นว่า
คุณมีความตั้งใจมุ่งมั่นในการทำงานขนาดไหน

4. มีการประเมินผลงานของพนักงาน (เช่นคุณ) บ่อยครั้งแค่ไหน และใครเป็นคนประเมิน
คำ ถามที่ดูแสนจะธรรมดาแต่สำคัญนักเชียว
เพราะคำตอบจะทำให้คุณเห็นภาพว่ากลวิธีไหนที่สำคัญสุดในการทำโปรเจคท์งานแต่
ละอย่าง รวมถึงสามารถวางเป้าหมายการทำงานเพื่อให้สอดคล้องกับระยะเวลาในการประเมิน
งานของผู้ประเมิน
ให้คุณทำงานในแต่ละวันได้อย่างสมดุลและคุ้มค่าเหนื่อยด้วย

5. ปัจจัยที่จะทำให้คุณมีโอกาสก้าวหน้าในบริษัทนี้ ประกอบด้วยอะไรบ้าง
เมื่อ ทำงานไปได้สัก 2-3 ปี
การกลับมาตั้งคำถามนี้อีกครั้งกับเจ้านายนั้นถือเป็นเรื่องดี
เพราะเมื่อเวลาผ่านไป โครงสร้างของบริษัทอาจมีการเปลี่ยนแปลง
คุณก็ควรจะปรับแผนการทำงานให้สอดคล้องกับนโยบายมากขึ้น

6. ย้อนถามตัวเองว่าเข้าใจงานที่ทำถูกต้องแล้วหรือไม่
โดย เฉพาะเวลาทำงานที่ต้องประสานงานกับหลายๆ ฝ่าย
ควรมั่นใจว่าคุณเข้าใจโปรเจคต์นั้นๆ อย่างถ่องแท้
รวมถึงควรเช็คความเข้าใจในเรื่องนี้กับเจ้านายด้วย
แต่มีข้อควรระวังอยู่เหมือนกันว่า : อย่าใช้คำถามเชิงลบเช่น
"ผม/ดิฉันไม่เข้าใจเรื่องนี้" หรือ
"ผม/ดิฉันคิดว่าวิธีการทำงานส่วนนี้ยังไม่ชัดเจน" ฯลฯ
ควรใช้ความอดทนอดกลั้นกับคำถามนี้
เพราะอาจทำให้เจ้านายรู้สึกว่าคุณกำลังต่อว่าวิธีมอบหมายงานให้ลูกน้องของ
เขา ทางที่ดีควรถามไปในทำนองว่า
"ที่ดิฉัน/ผมทำมานี้ถูกต้องตามที่เจ้านายต้องการหรือไม่" หรือ
"เจ้านายอยากให้เพิ่มเติมอะไรอีกหรือเปล่า" จะดีกว่า

7. เจ้านายต้องการให้คุณช่วยเรื่องใดหรือไม่
แม้ ว่าบางครั้งคุณอาจช่วยอะไรไม่ได้เลย
แต่เจ้านายจะระลึกถึงความเป็นคนมีน้ำใจของคุณไว้เสมอ
เพราะตำแหน่งหัวหน้าอาจทำให้เจ้านายต้องโดดเดี่ยวและไม่ยอมสุงสิงกับลูกน้อง
ง่ายๆ เพื่อป้องกันเสียงครหาว่าลำเอียง ฉะนั้นเมื่อใดที่คุณถามคำถามนี้
มีความเป็นไปได้สูงว่าคุณอาจเป็นคนแรกๆ ที่เจ้านายจะนึกถึง
ข้อควรระวังคือ อย่าถามพร่ำเพรื่อจนเกินงาม
มิฉะนั้นคุณอาจโดนเพ่งเล็งว่ากำลังเลียขาเก้าอี้เจ้านายได้

8. สิ่งที่ต้องทำเป็นอันดับแรกคือ ...
พนักงาน บางคนไม่กล้าถามคำถามนี้
เพราะอาจทำให้ดูเหมือนไม่รู้วิธีจัดลำดับความสำคัญของงานที่จะทำก่อนหลัง
แต่ในทางตรงข้าม
นี่เป็นคำถามที่จะสะท้อนถึงความใส่ใจและความรับผิดชอบต่องานของคุณ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลาที่คุณมีงานอยู่ในมือหลายโปรเจคท์และหัวหน้างานยัง
คิดจะมอบหมายงานอีกชิ้นให้คุณ
แต่เชื่อเถอะว่าเจ้านายยินดีจะฟังเสียงสะท้อนจากลูกน้อง
เพื่อให้งานลื่นไหลและประสบผลสำเร็จโดยเร็วที่สุด

9. ผม/ดิฉันของเสนอตัวรับงานนี้จะได้ไหม
บาง ครั้งเจ้านายก็มีตารางงานที่วุ่นวายจนลืมนึกถึงเรื่องของลูกน้อง
ฉะนั้นอนาคตจึงเป็นสิ่งที่คุณต้องไขว่คว้าด้วยตัวเอง
ทั้งการมองหางานใหม่ๆ ที่จะเสริมทักษะด้านต่างๆ ที่คุณยังขาดอยู่
การเสนอตัวช่วยงานเจ้านาย
ก็เป็นอีกวิธีที่จะเพิ่มประสบการณ์ให้กับตัวคุณเองได้เร็วและดีที่สุด


ขอบคุณข้อมูลจากพลังจิตดอทคอม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น