++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันพฤหัสบดีที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

ตามหาข้อดีของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009/สรวงมณฑ์ สิทธิสมาน

โดย สรวงมณฑ์ สิทธิสมาน 22 กรกฎาคม 2552 08:19 น.
ข่าวคราวเรื่อง ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009
ยังคงยึดหน้าสื่อทุกประเภทอย่างต่อเนื่อง
แม้จะมีความพยายามไม่ให้กระทรวงสาธารณสุขประกาศตัวเลขจำนวนผู้ป่วย
และผู้เสียชีวิตแบบรายวัน
แต่ก็ดูเหมือนความวิตกกังวลของผู้คนก็ยังมิได้ลดหายไปแต่ประการใด

โดยเฉพาะคนเป็นพ่อแม่ที่มีลูกเล็ก หัวข้อสนทนาก็ยังเป็นเรื่องนี้
รวมถึงมาตรการการรับมือว่าจะทำอย่างไรดี เพราะกังวลเรื่องลูก

ดิฉันได้มีโอกาสพูดคุยกับเพื่อนพ่อแม่หลายๆ ท่าน
ที่กังวลต่อสถานการณ์ดังกล่าว
ได้เห็นความพยายามที่จะเสนอวิธีการรับมือให้กับโรงเรียนของลูก
มีทั้งที่ทำได้บ้าง ไม่ได้บ้าง แต่ก็เกิดความคิดที่อยากจะลงมือทำ
โดยเริ่มจากห้องเรียนของลูก ช่วยกันเป็นหูเป็นตา
เอาแถบวัดไข้มาวัดศีรษะเด็กทุกคน ถ้าใครมีไข้สูง
ก็ให้พ่อแม่รับกลับบ้านเลย

เป็นรูปแบบที่พ่อแม่รวมตัวกันช่วยคุณครูดูแลเด็กๆ ในห้องเรียน
รวมถึงการช่วยกันทำความสะอาดอุปกรณ์ ของเล่น
และของใช้ภายในห้องเรียนกันอย่างเต็มที่ ชนิดที่ไม่มีเกี่ยงหญิงชาย
หรือยืนดูดายเพราะธุระไม่ใช่

ไม่อยากคิดว่าเรื่องดีๆ แบบนี้จะไม่เกิดขึ้น
หากไม่มีโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ระบาดอย่างรวดเร็ว...!!!
หรือไม่มีสถานการณ์วิกฤตก็อาจจะไม่ได้เห็นความร่วมมือดีๆ แบบนี้
ที่พ่อแม่ผู้ปกครองเป็นคนจุดประกาย ช่วยกันดูแลเด็กๆ ร่วมกัน
เพราะหากมีใครสักคนเป็น โอกาสที่เด็กคนอื่นๆ
ซึ่งรวมถึงลูกของเราก็เป็นไปด้วย

อย่างนี้จะไม่เรียกว่าข้อดีของไข้หวัดใหญ่ 2009 ก็มีเหมือนกันได้อย่างไร..!!

ลองมาตามหาข้อดีของเจ้าไวรัสตัวนี้กันดูดีกว่าค่ะ

ข้อแรก ตื่นตัวเรื่องอนามัย
ผู้คนตื่นตัวในเรื่องการดูแลสุขภาพร่างกายและสุขอนามัยของตนเองอย่าง
น่าอัศจรรย์ ทุกคนหันมาใส่ใจกับการรณรงค์เรื่อง "ของร้อน ช้อนกลาง
ล้างมือ" กันอย่างเคร่งครัด
ทั้งที่จะว่าไปก็เป็นเรื่องที่ทุกคนรับรู้กันว่าเป็นเรื่องดี
และควรทำเป็นประจำกันอยู่แล้ว แต่ที่ผ่านมา
เรามักจะละเลยกับพฤติกรรมเหล่านี้ ทำมั่งไม่ทำมั่ง แล้วแต่โอกาส

เรียกว่าช่วงเวลานี้ กลายเป็นเรื่องเคร่งครัดของทุกครอบครัวไปซะแล้ว

ยิ่งคนที่เป็นพ่อแม่คงยิ้มมากหน่อย
เพราะปกติต้องคอยบ่นชนิดปากเปียกปากแฉะให้ลูกๆ
ของเราล้างมือก่อนและหลังกินข้าว หรือเข้าห้องน้ำก็ต้องล้างมือ
พูดทุกวันๆ ละหลายเวลา แต่ตอนนี้กลายเป็นเรื่องง่าย
ไม่เมื่อยปากเหมือนแต่ก่อน เพราะคุณครูที่โรงเรียนช่วยบอก
คนรอบข้างก็ช่วยบอก ภาครัฐก็ช่วยป่าวประกาศ
ทำให้สื่อทุกแขนงก็ช่วยขยายการบอก

ข้อสอง ตื่นตัวเรื่องความรู้

ผู้คนใส่ใจเรื่องข้อมูลที่ถูกต้อง
เมื่อก่อนเรื่องการสวมหน้ากากอนามัย
เป็นเรื่องของคนเป็นหมอหรือเจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาลเท่านั้นที่ต้องสวม
เพราะต้องสัมผัสกับผู้ป่วยจำนวนมาก แต่ปัจจุบันนี้
การดูแลและป้องกันตัวเองด้วยการใส่หน้ากากอนามัย
กลายเป็นเรื่องที่ผู้คนเริ่มตระหนักรู้
และรู้ว่าวิธีการป้องกันตัวเองอย่างถูกวิธีควรทำอย่างไร
รวมถึงการรู้จักเจ้าหน้ากากอนามัยที่มีหลากหลายรูปแบบ
และการพกพาเจลล้างมือแอลกอฮอล์ที่เอาไว้ใช้เมื่อจำเป็น

ข้อสาม ช่วยประหยัดเงิน

ก็แหม...โรคนี้กำลังแพร่ระบาด
ผู้คนก็หลีกเลี่ยงไม่อยากไปในสถานที่แออัดผู้คนเบียดเสียด
ก็เลยงดกิจกรรมไปเที่ยวห้างสรรพสินค้า
ไม่ไปโรงภาพยนตร์หรือสถานที่สุมเสี่ยงทั้งหลาย
และคำนึงถึงเรื่องสถานที่ที่จะไปมากขึ้น และเมื่อไม่ได้ไปเที่ยวนอกบ้าน
ก็เลยมีเงินเก็บเพิ่มขึ้น

นี่ยังไม่นับรวมสถาบันกวดวิชาที่ต้องหยุดการเรียนการสอนไปด้วย
ก็เลยไม่ต้องเสียเงินส่วนนี้ จะว่าไป
ก็ถือโอกาสให้ลูกทบทวนบทเรียนด้วยตัวเอง
โดยมีคุณพ่อคุณแม่เป็นผู้ช่วยเหลือก็ได้ค่ะ

ข้อสี่ ครอบครัวแน่นแฟ้น

เนื่องเพราะไม่อยากไปไหน ก็เลยต้องทำกิจกรรมภายในบ้าน เช่น
ทำอาหารรับประทานเอง ชวนกันทำกิจกรรมครอบครัวภายในบ้านได้มากมาย
บางบ้านก็น่าจะถือโอกาสได้พูดคุย
หรือทำกิจกรรมครอบครัวที่บางครั้งเราเองก็ละเลยลูกๆ หรือคนที่เรารัก
ก็ถือโอกาสนี้ปรับความเข้าใจ และสร้างสรรค์กิจกรรมหรรษาในครอบครัวซะเลย
เป็นการสร้างสัมพันธภาพที่ดีในครอบครัว

ข้อห้า ความคิดดีๆ

เหมือนที่ยกตัวอย่างในตอนแรกว่า พ่อแม่ผู้ปกครองจำนวนมากวิตกกังวล
ก็เลยเกิดความคิดดีๆ ที่จะช่วยปกป้องลูกรักด้วยการช่วยเหลือโรงเรียน
ช่วยเหลือเพื่อนบ้าน หรือมีคำแนะนำดีๆ
ที่ยอมและพร้อมลงมือปฏิบัติอย่างเต็มใจ เรียกว่า
เกิดการมีส่วนร่วมกับโรงเรียนและชุมชนได้อย่างดีเลยทีเดียว

ข้อสุดท้าย ธุรกิจบางประเภทรับไปเต็มๆ

บรรดาผู้ประกอบการผลิตหน้ากากอนามัย เจลล้างมือ
รวมถึงยาสมุนไพรต้านหวัดทั้งหลาย
ต่างก็ยิ้มรับกับรายได้จำนวนมากที่มาเร็วพร้อมกับการระบาดที่รวดเร็วของเจ้า
ไข้หวัดใหญ่ 2009 ไปตามๆ กัน เพราะท่ามกลางการระบาด
ความต้องการปกป้องตัวเองจากภัยไข้หวัดที่ว่า
ก็เลยทำให้สินค้าประเภทปกป้องดูแลและรักษาตัวเองได้รับอานิสงส์ไปด้วย

ว่าแต่เมื่อสินค้าขายดี ก็มักจะมีการโก่งราคาสินค้า
ตามมาด้วยสินค้าไม่ได้คุณภาพ และของปลอมแพร่ไปทั่ว
เพราะความคิดไม่ซื่อและต้องการหาประโยชน์จากความทุกข์ของผู้อื่น
คนประเภทนี้ก็ใช้ไม่ได้ ฉะนั้น
ก็ถือโอกาสสอนลูกของเราในเรื่องพวกนี้ไปด้วยเลยละกัน

เป็นไงคะ เห็นข้อดีของเจ้าไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ไหมคะ
ถ้าหากเราไม่ได้รับผลกระทบจากเจ้าไวรัส 2009 ตัวนี้
เราอาจจะไม่ได้มองเห็นข้อดี หรือข้อพึงกระทำ
ที่เราเคยละเลยมาโดยตลอดก็ได้

ในทุกสถานการณ์ของความวิกฤติ
เราก็ควรถือโอกาสมองหาข้อดีให้กับตัวเราเองก็ได้นะคะ

แน่ นอน...ไม่มีใครอยากรับเอาเจ้าเชื้อไวรัส 2009 นี้ไป
แต่เราก็ไม่สามารถปฏิเสธสถานการณ์นี้ไปได้ ก็ถือโอกาสอยู่ร่วมกับมัน
ด้วยความปลอดภัยน่าจะดีกว่าค่ะ

http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9520000082482

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น