++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันพฤหัสบดีที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

"ธาลัสซีเมีย" ติดโผโรคเสี่ยงตายด้วยหวัด 09 ชี้กินน้ำน้อยมีสิทธิ์ช็อก

ทีมผู้เชี่ยวชาญ เพิ่ม "โรคธาลัสซีเมีย"
เป็นกลุ่มเสี่ยงติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ 2009 แล้วอาการรุนแรง
เป็นโรคที่ 8 ออกคู่แพทย์ตรวจวินิจฉัยโรค 3 หมื่นเล่ม
แจกให้แพทย์ทั่วประเทศ เร็วที่สุดวันที่ 20 ก.ค.นี้ เน้นเข้าใจง่าย
ถูกต้องตรงกัน ไม่ต้องตรวจแล็บมีอาการรุนแรงให้ยาทันที
เผยเป็นไข้ดื่มน้ำน้อยส่งผลความดันต่ำเสี่ยงอาการรุนแรง
แนะเป็นไข้ดื่มน้ำให้มากกว่าวันละ 1-2 ลิตรต่อวัน

พญ.ศรีวรรณา พูลสรรพสิทธิ์ หัวหน้าสำนักวิชาการสาธารณสุข
กระทรวงสาธารณสุข (สธ.)
กล่าวภายหลังการประชุมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาโรคไข้หวัดใหญ่ชนิดเอ
เอช1เอ็น1 เพื่อจัดทำคู่มือการตรวจวินิจฉัย
รักษาโรคสำหรับแพทย์ทั่วประเทศนานกว่า 4 ชั่วโมง ว่า
ที่ประชุมเห็นพ้องให้เพิ่มผู้ป่วยโรคเลือดธาลัสซีเมียเข้าอยู่ในกลุ่มเสี่ยง
ที่จะรับเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 แล้ว
จะทำให้เกิดอาการรุนแรง
เนื่องจากที่ผ่านมาพบว่ามีผู้ป่วยของไทยที่เป็นโรคธาลัสซีเมีย
และติดเชื้อไวรัสชนิดนี้ มีอาการไข้สูงกว่าคนปกติ และเชื้อลงปอด
ทำให้เกิดปอดอักเสบได้เช่นเดียวกับผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว 7 โรค ที่
สธ.เคยประกาศเป็นกลุ่มเสี่ยงจะมีอาการรุนแรงก่อนหน้านี้ ได้แก่ โรคหัวใจ
โรคตับ โรคไต โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคหอบหืด และโรคมะเร็ง

"เมื่อ จัดให้ผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวธาลัสซีเมียเป็นกลุ่มเสี่ยง
อาการรุนแรง การให้ยาต้านไวรัสโอเซลทามิเวีย
แพทย์จะต้องให้ทันทีที่ผู้ป่วยมีอาการไข้
โดยไม่ต้องรอผลตรวจยืนยันสายพันธ์เชื้อจากห้องปฏิบัติการ"พญ.ศรีวรรณา
กล่าว

พญ.ศรีวรรณา กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ พบข้อมูลผู้ป่วยเด็ก 2
รายที่มาเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลมีอาการหนัก ไม่ยอมทานอาหาร
ความดันโลหิตต่ำ ภายหลังแพทย์ให้ดื่มน้ำ ปรากฏว่า
ความดันโลหิตกลับสู่ปกติ จึงสามารถอธิบายได้ว่า ผู้ ป่วยที่มีอาการไข้สูง
หากขาดน้ำจะมีอาการรุนแรงกว่าปกติ จึงเพิ่มคำแนะนำในคู่มือแพทย์
ให้ประชาชนดื่มน้ำมากๆระหว่างที่ป่วยเป็นไข้
โดยดื่มน้ำมากกว่าปกติที่ต้องดื่มวันละ 1-2 ลิตร

"สำหรับคู่มือสำหรับแพทย์ดังกล่าวจะสรุปเนื้อหาโดยให้ผู้เชี่ยวชาญ
ตรวจทานให้อ่านแล้วเข้าใจง่ายและถูกต้อง
โดยจะจัดพิมพ์ให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 20 กรกฎาคมนี้
ขนาดเล็กพกพาง่ายสามารถใส่กระเป๋าเสื้อได้ จำนวน 20 หน้า จัดพิมพ์ประมาณ
3 หมื่นเล่ม จากนั้นจะแจกจ่ายให้แพทย์ทั่วประเทศทั้งในโรงพยาบาลรัฐ
เอกชนและคลินิก" พญ.ศรีวรรณา กล่าว

พญ.จริยา แสงสัจจา รองผู้อำนวยการสถาบันบำราศนราดูร กล่าวว่า
คู่มือแนวทางการปฏิบัติสำหรับแพทย์สามารถนำไปใช้ในสถานพยาบาลทุกแห่ง
รวมโดยจะไม่เน้นการตรวจเชื้อในห้องปฏิบัติการแต่จะให้ยาในกลุ่มที่มีข้อบ่ง
ชี้ทางคลินิกชัดเจนทันที ได้แก่ ในรายที่มีอาการรุนแรงมาก ไข้ขึ้นสูงเกิน
38 องศาเซลเซียส มีอาการแน่นหน้าอก เพลีย อยู่ในภาวะขาดน้ำ
หรือไม่สามารถดื่มน้ำได้ซึ่งเป็นอีกอาการหนึ่งที่มีความสำคัญแพทย์ต้องรีบ
ให้น้ำเกลือหรือในรายที่มีโรคประจำตัวซึ่งมีทั้งกลุ่มที่มีอาการหนังและ
อาการน้อย มีความเสี่ยงเกิดโรคแทรกซ้อนต้องให้การดูแลใกล้ชิดเป็นพิเศษ

"ธรรมชาติของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009
เป็นโรคระบบทางเดินหายใจที่ทำให้ปอดเกิดการอักเสบอยู่แล้ว
แต่ขณะนี้ยังไม่มีหลักฐานทางวิชาการชัดเจน ว่า
โรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009
มีโอกาสเสี่ยงสูงในการทำลายปอดได้รุนแรงมากกว่าไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล
แต่หากเปรียบเทียบกับไข้หวัดธรรมดามีความรุนแรงมากกว่าอยู่แล้ว" พญ.จริยา
กล่าว


http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9520000080043

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น